เผ่าภูมิ ยืนยัน ดิวเจรจาต่อรองภาษีสหรัฐ ไทยไม่เสียเปรียบเวียดนาม
เผ่าภูมิ ยัน ดิวภาษีสหรัฐ ไทยได้เปรียบเวียดนาม เพราะส่วนใหญ่ถูกเก็บภาษีสวมสิทธิ์40%
วันนี้(17ก.ค.)บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)ได้จัดงานเสวนาระดมสมองภาครัฐ ภาคเอกชนในหัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก Unlocking Thailand Future” ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างร่วมวงเสวนา ถึงความคืบหน้าในการเจรจาภาษีสหรัฐอเมริกา ว่ารัฐบาลกำลังเดินหน้าเจรจาภาษีเพื่อปลดล็อคการค้าของไทย ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าทีมไทยแลนด์ที่นำ โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการทรวงการคลังจะเจรจาให้ดีที่สุด โดยยึดผลประโยชน์สูงสุดของชาติ
โดยจะมีการพิจารณาผลกระทบอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะ 2 ประเด็นสำคัญ คือ 1. ผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย 2. ผลกระทบต่อผู้ผลิตและประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมซอฟท์โลนก้อนใหม่วงเงิน2 แสนล้านเอาไว้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีสหรัฐแล้ว ส่วนวงเงินสินเชื่อเก่าจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้านั้น จะมีการเพิ่มมาตรการพักหนี้ และลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม รวมทั้งจะมีการจัดหาสินเชื่อในการหาตลาดใหม่ให้กับผู้ส่งออก รวมทั้งออกมาตรการภาษีที่จูงใจให้ผู้ประกอบการออกไปหาตลาดใหม่ๆ
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ผู้ที่ชนะไม่ใช่ประเทศที่ได้เรทภาษีที่ต่ำที่สุด แต่คือประเทศที่ได้ดิวที่ดีที่สุดซึ่งจะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าในการเจรจาของแต่ละประเทศได้ประโยชน์อะไร และเสียอะไรไปบ้าง ยกตัวอย่างประเทศเวียดนาม หลายคนมองว่าได้อัตราภาษีที่ถูก 20% เท่านั้น แต่อย่าลืมมว่าจริงๆแล้ว เวียดนามถูกกเก็บภาษี 2 อัตรา คือ 20% สำหรับสินค้าที่ส่งออกปกติ และ 40% สำหรับสินค้าประเทศอื่นที่ส่งออกผ่านเวียดนาม(สวมสิทธิ์)
ซึ่งหากดูไส้ในลึกลงไปจะเห็นว่า สินค้าที่เวียดนามส่งออกไปยังหสรัฐอเมริกาส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มที่เสียภาษี 40% ไม่ใช่ 20% เหมือนที่หลายฝ่ายเข้าใจ ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับไทยซึ่งภาคการผลิตมีการใช้ Local content มากกว่าเวียดนาม จึงมั่นใจว่าไทยจะได้เปรียบเวียดนามอย่างแน่นอน
นายเผ่าภูมิกล่าวต่อว่าเพื่อเร่งปลดเศรษฐกิจรัฐบาลได้เตรียมมาตราการด้านการเงิน และการคลังไว้พร้อมแล้วโดยก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติ งบกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตแรก กรอบวงเงิน 115,375 ล้านบาทไปแล้ว ซึ่งจะนำไปพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และระบบน้ำภายในประเทศให้แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมผลักดันให้ไทยเป็นไฟแนนเชียลฮับ ศูนย์กลางการเงินในภูมิภาค ,เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในและนอกระบบ รวมทั้งหามาตรการดึงดูดเม็ดเงินคริปโตเคอร์เรนซี่จากนักท่องเที่ยวเข้าไทยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สุดท้ายคือการเตรียมดึงศักยภาพเม็ดเงินในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับซอฟต์เพวเวอร์ของไทยออกมา หากทำได้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เผ่าภูมิ ยืนยัน ดิวเจรจาต่อรองภาษีสหรัฐ ไทยไม่เสียเปรียบเวียดนาม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th