“โรม” เสียใจ “ทหารไทย” เหยียบกับระเบิด เบรกโซเชียลอย่าเติมเชื้อไฟ
รัฐสภา 17 ก.ค.-“โรม” เสียใจ “ทหารไทย” เหยียบกับระเบิด เบรกโซเชียลอย่าเติมเชื้อไฟ ทำรั้วรอบปราสาทตาเมือนธม หวั่นเข้าทาง “เขมร” ลากไทยไปศาลโลก แนะรัฐบาลไทยเชิญ “ฮุน มาเนต” ประกาศปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รับไม่มีนายกฯ ตัวจริง การแก้ปัญหาชายแดนชะงัก
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาขณะนี้ ว่า ตอนนี้ยังติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด ในเรื่องของคลิปเสียงก็ยังไม่ยอมแพ้ ต้องมีการหารือแนวทางในคณะกรรมาธิการอีกครั้ง ซึ่งเรื่องคลิปเสียงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ ที่เราต้องได้รับความชัดเจน คิดดูว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้รัฐบาลยังไม่ให้ความร่วมมือ เรื่องอื่นๆ เราจะหวังพึ่งความร่วมมือจากรัฐบาลได้อย่างไร จนมาถึงวันนี้กรรมาธิการไม่ได้รับการคลี่คลายในเรื่องนี้เลย
ส่วนแนวทางที่ 2 ในการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องด่านชายแดนที่จะนำไปสู่การยุติความขัดแย้งแล้วกลับไปสู่สถานะเดิมพี่ทั้งสองฝ่ายพึงมีต่อกัน ต้องยอมรับว่าตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายแล้ว ไม่ว่าจะทำให้ด่านกลับไปเป็นสภาพเดิมเช่นการค้าขาย แต่วันนี้เรายังไม่เห็นความชัดเจนว่าจะมีแนวทางอย่างไร จะโทษรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องยอมรับว่าทางกัมพูชาก็มีประเด็นปัญหาแบบนี้ สิ่งที่ตนคิดว่าจะเป็นข้อแนะนำไปถึงรัฐบาลในการคลี่คลาย แล้วทำให้เกิดการพูดคุยกลับมาเป็นปกติได้ ต้องยกระดับมาตรการที่สำคัญ คือการปรักปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าปัญหานี้จบลงทุกฝ่ายอยากพูดคุยถึงการค้าขายที่ปกติมากขึ้น
แต่การรอให้เกิดการปราบปรามอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดก็ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจบได้ทันที การพูดคุยระหว่าง 2 ประเทศจำเป็นต้องมี และความยากคือทางกัมพูชาไม่ได้มีมุมมองแบบเดียวกัน วิธีการคือเรามีความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกับประเทศอื่นให้มากขึ้น เพื่อทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีผลความก้าวหน้ารวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทางกัมพูชาจะได้มาพูดคุยกับเราและจะได้มีข้อได้เปรียบ
นอกจากนี้ ปัญหาชายแดนคนเข้าออกไม่ได้ แต่สินค้าที่มีข้อจำกัด เช่น สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค รวมไปถึงแรงงาน จะเอาเข้าออกได้หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าเรามีแนวทางแก้ปัญหาแต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะจริงจังแค่ไหน
เมื่อถามว่าพลเอก ฮุน มาเนต นายรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศจะกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไทยเองจะมีส่วนร่วมหรือแนวทางได้อย่างไรบ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าหากทางกัมพูชาต้องการที่จะปราบปราม ทางการไทยต้องรีบเชื้อเชิญเลย เพื่อดึงกัมพูชาเข้ามาร่วมการปราบปรามจริง ๆ วันนี้เรารู้พิกัดกันหมดแล้วคิดว่า KPI ง่ายมาก คือรอดูว่า 50 เกือบ 60 พิกัดมีการปราบปรามหรือไม่ รวมไปถึงการออกมาตรการออกหมายจับเพิ่มเติมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ และรอดูว่าทางกัมพูชาจะมีการส่งตัวให้หรือไม่ รวมไปถึงการสร้างปฏิบัติการร่วมกันซึ่งทางกัมพูชาต้องเป็นหัวหอก และไทยคอยประสานงานให้ข้อมูลก็สามารถทำได้ หากกัมพูชาจริงใจกระบวนการเหล่านี้ควรจะเกิดขึ้น รวมไปถึงหลาย ๆ ประเทศ
ส่วนการเรียกทูตกลับมาในเชิงลดความสัมพันธ์มองว่าจะทำให้ปัญหาบานปลายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนแรกตอนประเมินว่าการเรียกทูตกลับมาจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ถ้าสถานการณ์ไม่ได้มีการไต่ระดับสูงขึ้น ต้องตอบคำถามให้ชัดว่าทำไมต้องเป็นเวลาดังกล่าว ทำไมไม่เกิดขึ้นก่อนหน้า เรื่องนี้ต้องพิจารณาเหมือนกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องคิดในการเจรจาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกและไม่มีทูตแล้ว จะทำกันอย่างไร
“ผมคิดว่าหลายส่วนรัฐบาลค่อนข้างช้า ในการแสดงออกในการแสดงพฤติกรรม ไม่ว่าจะเป็นการประท้วง หรือแม้กระทั่งการจะเรียกทูตกลับมาต้องยอมรับว่ามันช้าจริง ๆ ดังนั้นสถานการณ์ภาพรวมทั้งหมดผมยังแปลกใจ ว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร วันนี้รัฐบาลต้องมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าตกลงต้องการอะไร และจะไปเป้าแบบไหนเอาให้มันชัด หากรัฐบาลไม่รู้ตัวเองว่าทำอะไรอยู่ จะมีปัญหาในการแก้วิกฤตนี้มากๆ” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าที่รัฐบาลตัดสินใจเรื่องชายแดนกัมพูชาไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นอย่างนั้น ตนคิดว่ามีส่วนที่เป็นรูปแบบและส่วนที่เป็นเนื้อหา ส่วนที่เป็นรูปแบบก็ต้องยอมรับว่าการที่นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่ใช่แค่หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่รอคอยว่าศาลจะว่ายังไง ต้องยอมรับว่าความเชื่อมั่นของประชาชนและต่างชาติที่มองว่า ดูแล้วมีความเป็นไปได้มากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกแล้วในวันข้างหน้า ทำให้เกิดปัญหาขาดเสถียรภาพทางการเมือง
“การที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ก็มีปัญหาเหมือนกันว่าในแง่ความชอบธรรมเหมือนกันแก้วิกฤตต่าง ๆ ก็ไม่มี ในส่วนของเนื้อหาการที่คุณแพทองธารไม่ตอบคำถามในเรื่องของคลิปเสียง การปราศจากซึ่งคำขอโทษที่จริงใจ ต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย และวิธีการสื่อสารอื่นๆที่ผิดพลาด ผมคิดว่ามันทำให้วิกฤตของเราขยายใหญ่โต และทำให้สุดท้ายคนเริ่มงงว่าเรากับกัมพูชาทะเลาะกันเรื่องอะไร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า แบบนี้จะมีคำถามต่อๆ ไปว่าที่ทำกันอยู่กำลังนำไปสู่อะไร หากจะเอาเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นหลักในการแก้ปัญหาก็ยอมรับว่าไฟเรายังไม่ตัด เน็ตเรายังไม่มีความคืบหน้า และที่บอกน้ำมันไม่ส่งก็แค่ผ่านด่านไม่ได้แต่ส่งช่องทางอื่น ก็จะมีปัญหาในลักษณะนี้ต่อไปสุดท้าย เราแค่บีบโดยเอาเรื่องการค้าชายแดนเป็นตัวตั้ง
วันนี้แกงคอลเซ็นเตอร์จะไปทำงานที่กัมพูชาเขามีวิธีอื่น คือนั่งเครื่องบินไปลงพนมเปญ และนั่งรถกลับมาซึ่งตรงนี้เราไม่เห็นว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลหากจะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์จริง ๆ ก็ไม่ให้ว่ มีการจัดการจริงจังแค่ไปสนใจจุดชายแดนอย่างเดียวก็คิดว่าไม่ใช่ทางออกทั้งหมด
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับข้อเสนอให้สร้างรั้วรอบปราสาทตาเมือนธม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มเชื้อไฟ ถ้าเราทำรั้ว เราจะทำไปทำไม ซึ่งถ้าเราทำรั้ว ทางกัมพูชาก็จะใช้จุดนี้ทำให้เกิดการปะทะ ถ้าปะทะกันกันก็จะมีโอกาสที่กัมพูชาจะใช้จุดนี้นำไปสู่ศาลโลก ตนจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีการเติมเชื้อไฟ
เมื่อถามต่อว่าเรื่องการทำรั้ว มีการเรียกร้องเพราะทหารกัมพูชาขึ้นมาปลุกปั่นบ่อยครั้ง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าตกลงเราต้องการอะไร ถ้าเราต้องการให้กัมพูชาพาเราไปศษลโลก เราอาจจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าต้องการให้ชายแดนกลับมาสู่ปกติ และเราพยายามที่ทำให้ประเทศต่างๆทั่วโลกมองปัญหาที่แท้จริงว่ากัมพูชาต้องการยั่วยุ เป็นแลนด์ออฟสแกมเมอร์ วิธีการที่จะวางตัว กำหนดท่าทีและแนวทางต่างๆ ต้องใจเย็นๆ ไม่ควรไปเพิ่มจุดอะไรต่างๆที่ทำให้เกิดการปะทะกัน ปะทะเมื่อไหร่คือสิ่งที่กัมพูชาอยากได้ กัมพูชาไม่ได้แคร์ชีวิตทหาร ไม่ได้สนใจว่าชีวิตประชาชนจะเป็นอย่างไร เขาสนใจแต่เป้าหมายคือพาประเทศไทยไปสู่ศาลโลก กัมพูชาถือว่าชนะแล้ว
ส่วนกรณีล่าสุดที่ทหารไทยไปเหยียบกับระเบิด นายรังสิมันต์ กล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่เพียงทหารที่ได้รับผลกระทบ แต่รวมถึงครอบครัวที่มีความเป็นห่วง ซึ่งไม่อยากให้มีสถานการณ์เช่นนี้ ไม่อยากให้มีใครบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้เลย เราคงต้องติดตามต่อไปว่าที่มาที่ไปของเหตุไปถูกับระเบิด รายละเอียดเป็นอย่างไร เบื้องต้นตนติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด คงจะได้มีการหารือกับทางกองทัพต่อไป.-314.-สำนักข่าวไทย