พล.ต.วินธัย สวนกลับโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ยันพบทุ่นระเบิด PMN-2 ในสภาพใหม่และพร้อมใช้งาน
(13ส.ค.68) จากกรณีที่ นายเพน โบนา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย โดยระบุว่า “กัมพูชายังคงปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวาอย่างเคร่งครัด พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาการวางทุ่นระเบิดใหม่” นั้น
ฟ
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่าถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกเช่นเคย เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุกำลังพลไทยเหยียบกับระเบิดตั้งแต่ 16 ก.ค.68 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 5 ครั้ง (รวมการปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควาย) เป็นพื้นที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (T-MAC) เคยเก็บกู้และเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัยตั้งแต่ปี 2563–2565 โดยไม่เคยตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ห้วง 15 ก.ค.–12 ส.ค.68 กองทัพบกได้รับรายงานการตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 ในสภาพใหม่และพร้อมใช้งาน ภายในเขตอธิปไตยไทย ทั้งในจุดเกิดเหตุที่กำลังพลได้รับบาดเจ็บ และจากการตรวจพบในพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมทั้งสิ้น 41 ทุ่น สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดเป็นอาวุธคุกคามฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
โฆษกกองทัพบกระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามลอบทำร้ายฝ่ายไทย ผ่านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตประเทศไทย อีกทั้งยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายแสดงให้เห็นทหารกัมพูชาถือพวงทุ่นระเบิด PMN-2 ไว้จำนวนมาก บริเวณด้านหน้าปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
สำหรับประเด็นที่หัวหน้าโฆษกรัฐบาลกัมพูชาอ้างถึงข้อตกลงการประชุม GBC เรื่องการห้ามเคลื่อนย้ายกำลังหรือลาดตระเวนเกินจุดประจำการนั้น กองทัพบกยืนยันว่าหน่วยทหารของไทยยังไม่มีการเพิ่มเติมกำลัง ส่วนการดำเนินการต่าง ๆ ก็อยู่ภายในขอบเขตดินแดนประเทศไทย แต่กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาที่มีเจตนาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการลักลอบนำทุ่นระเบิดเข้ามาวางในขอบเขตดินแดนประเทศไทย เพื่อมุ่งหวังทำร้ายฝ่ายไทย จนทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง รวมถึงการบิดเบือนข่าวสารด้วยการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ
ซึ่งมีข้อสังเกตว่า หากฝ่ายกัมพูชาจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ควรแสดงออกที่ชัดเจนด้วยการตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย กรณีการร่วมกันแก้ปัญหาทุ่นระเบิด เมื่อครั้งการประชุมเวที GBC ที่ผ่านมา
เชื่อว่าการให้ข้อมูลเท็จของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องการแอบนำทุ่นระเบิดมาใช้คุกคามฝ่ายไทยนั้น อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในสายตาชาวโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกอนุสัญญาออตตาวา เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดจากนานาประเทศต่อปีเป็นจำนวนเงินมหาศาล แต่กลับนำเงินเหล่านั้นมาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ทั้งนี้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้กลุ่มประเทศผู้สนับสนุนเงินทุนให้แก่กัมพูชาสำหรับใช้ดำเนินงานด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ โดยเฉพาะการที่กัมพูชาแอบนำทุ่นระเบิดเหล่านั้นมาเป็นอาวุธ ทำร้ายฝ่ายไทย ซึ่งก็เป็นหนึ่งในภาคีสมาชิกอนุสัญญาออตตาวาเช่นกัน
ที่มา : ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก
ข่าวเวิร์คพอยท์23