สื่อเขมรขู่! สวีเดนจะสูญเสียสถานะส่งเสริมสันติภาพ หากขายเครื่องบินกริพเพนให้ไทย
สื่อกัมพูชาทำตัวใหญ่โตมาก ขู่สวีเดนถ้าขายเครื่องบินกริพเพนให้ไทยจะสูญเสียสถานะในฐานะประเทศที่ส่งเสริมสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และความเคารพ กล่าวหาผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นอาชญากรสงคราม และอ้างว่าใช้กริพเพนโจมตีวัดวาอาราม แหล่งมรดกโลก อาราม และบ้านเรือนของประชาชน และสังหารพลเรือนจำนวนมาก
วันนี้ (17 ส.ค.) เว็บไซต์สำนักข่าวกัมปูเจียทะเมย ของกัมพูชาตีพิมพ์บทความหัวข้อ "สวีเดนจะสูญเสียสถานะในฐานะประเทศที่ส่งเสริมสันติภาพ สิทธิมนุษยชน และความเคารพ หากยังคงขายเครื่องบินกริพเพนให้กับไทยเพื่อใช้เป็นเครื่องบินรุกรานต่อไป" เมื่อวันที่ 13 ส.ค. โดยระบุว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพนจากสวีเดนเพื่อใช้ในการรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การใช้เครื่องบินดังกล่าวในการรุกรานของไทย กระตุ้นให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติออกมาประท้วงอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลสวีเดนให้พิจารณาข้อตกลงที่ทำไว้กับทางการไทยอีกครั้ง
สวีเดนได้รับชื่อเสียงที่ดีมาโดยตลอดในบรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรปในด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านนโยบายต่างประเทศและการสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรระหว่างประเทศในการดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
สวีเดนอาจสูญเสียสถานะประเทศที่มีชื่อเสียงดี เป็นประเทศที่สะอาดบริสุทธิ์ และอาจเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องในด้านสิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงออก และเป็นประเทศที่คู่ควรแก่การชื่นชมในปัจจัยอื่นๆ มากมายในเวทีระหว่างประเทศ ตราบใดที่สวีเดนยังคงขายเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F รุ่นใหม่ให้กับประเทศไทย ซึ่งใช้ในการรุกรานกัมพูชาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน
ในช่วงความขัดแย้งด้วยอาวุธที่กินเวลานาน 5 วัน 5 คืน ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 28 ส.ค. สื่อมวลชนไทยรายงานว่า กองทัพบกไทย (RTA) ได้ใช้เครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ซึ่งไทยซื้อจากสวีเดนในปี 2554 สำหรับปฏิบัติการทางทหาร รวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-16 ด้วย
ในปฏิบัติการโจมตีกัมพูชา โดยใช้เครื่องบินขับไล่สมัยใหม่ที่เร็วกว่าเสียงและมีประสิทธิภาพสูงในการทิ้งระเบิด พบว่ากองทัพไทยได้โจมตีวัดวาอาราม แหล่งมรดกโลก อาราม และบ้านเรือนของประชาชน และสังหารพลเรือนจำนวนมาก
สื่อมวลชนของไทยได้พยายามขยายเสียงของผู้บัญชาการทหารของไทย เกี่ยวกับการใช้ยานยนต์รบสมัยใหม่ที่กล่าวถึงข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพยายามทำลายขวัญกำลังใจของกองทัพและประชาชนกัมพูชา แต่ประเทศไทยเองอาจเผชิญกับข้อกล่าวหาอาชญากรรมสงคราม หากกัมพูชาและประชาชนในชุมชนยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหลังจากการสู้รบ
สวีเดนขายเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ให้กับประเทศไทยในปี 2551 และได้รับการยอมรับให้เข้าประจำการในปี 2554 ปัจจุบันประเทศไทยมีเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D จำนวน 11 ลำ และมีแผนจะซื้อเครื่องบิน Gripen E/F รุ่นใหม่
คณะรัฐมนตรีของไทยได้อนุมัติอย่างเป็นทางการให้จัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen E/F จำนวน 4 ลำจากสวีเดน มูลค่า 19,500 ล้านบาท (550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่กริพเพน นอกเหนือจากเครื่องบิน Gripen C/D ที่มีอยู่เดิมจำนวน 11 ลำ หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่นของไทยรายงานว่า ประเทศไทยมีแผนนำเข้าเครื่องบิน Gripen E/F จำนวน 12 ลำภายในปี พ.ศ. 2572
ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของไทยเผชิญอาชญากรรมสงคราม จากการสั่งการใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 และ Gripen C/D โจมตีแหล่งวัฒนธรรมและพลเรือน ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัดในการสู้รบ
กัมพูชาอาจฟ้องไทยต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) กรณีไทยโจมตีทางอากาศโดยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ของสหรัฐฯ และเครื่องบินขับไล่ Gripen ของสวีเดน
สื่อไทยอ้างแหล่งข่าวจากกองทัพบก (ทบ.) และแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ออกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงการนำเครื่องบินรบ F-16 ที่ซื้อจากสหรัฐอเมริกา และเครื่องบินรบ Gripen C/D จากสวีเดน มาใช้โจมตีกัมพูชาในปี 2554
การใช้เครื่องบินรบเหล่านั้นเพื่อป้องกันตัวเองไม่ใช่เรื่องผิด แต่การใช้เพื่อจุดประสงค์เชิงรุกถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้เพื่อโจมตีพื้นที่พลเรือน โรงพยาบาล หรือแหล่งวัฒนธรรม
การโจมตีเว็บไซต์เหล่านี้ถูกอธิบายว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม
ประเทศไทยเริ่มจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ลำแรกในปี พ.ศ. 2551 เมื่อประเทศไทยก่อให้เกิดความขัดแย้งและรุกรานกัมพูชาเหนือพื้นที่ปราสาทพระวิหาร หลังจากที่กัมพูชาประสบความสำเร็จในการประกาศให้พื้นที่ปราสาทพระวิหารเป็นแหล่งมรดกโลก
กัมพูชาชนะคดีในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2505 กรณีปราสาทพระวิหาร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกยึดครองโดยประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดแผนที่ที่รัฐบาลสยาม (ปัจจุบันคือประเทศไทย) ลงนามไว้ในช่วงปี พ.ศ. 2447-2450
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งที่ยังคงแสดงความคิดเห็นบนเพจโซเชียลมีเดียของสถานทูตสวีเดน ซึ่งเป็นเพจทางการของสถานทูตสวีเดนประจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า “โปรดเคารพสวีเดน: ก่อนที่จะขายเครื่องบินหรืออาวุธใดๆ ให้แก่ประเทศไทย โปรดจำไว้ว่าการขายดังกล่าวอาจส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตได้ โปรดคิดถึงประชาชน โปรดคิดถึงมนุษยชาติ”
Visy Kim ผู้ใช้โซเชียลมีเดียอีกรายหนึ่งเขียนว่า สวีเดนซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการชื่นชมมานานในเรื่องความมุ่งมั่นต่อสันติภาพ ความเป็นกลาง และการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จะต้องสะท้อนสิ่งนี้ในการปฏิบัติการมีส่วนร่วมที่กว้างขึ้น
เขากล่าวว่าเป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งที่สวีเดนยังคงขายเครื่องบินรบกริพเพนให้กับไทยในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น
หมายเหตุ : จากการรายงานข่าวของสื่อกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา ไม่มีการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือนอย่างเป็นทางการจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา มีแต่ก่อนหน้านี้เคยรายงานว่าเป็นพลเรือน 8 ราย และทหารเพียง 5 นาย ตรงข้ามกับประเทศไทยที่รายงานจำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ทั้งทหารและพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั้งไทยและกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ราย
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO