โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เมื่อ ‘การเติบโตที่ยั่งยืน’ คือทางรอดของธุรกิจในโลกยุคใหม่: สรุปแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจจากเวที ‘TCP Sustainability Forum 2025’ [Advertorial]

THE STANDARD

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เมื่อ ‘การเติบโตที่ยั่งยืน’ คือทางรอดของธุรกิจในโลกยุคใหม่: สรุปแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจจากเวที ‘TCP Sustainability Forum 2025’ [Advertorial]

อัตราเร่งที่เร็วและแรงของทุกการเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้ที่เกิดจากภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป วิกฤตโลกร้อนที่ยังไร้ซึ่งทางออก ความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่ทวีความรุนแรง ไปจนถึงความกังวลของแรงงานทั่วโลกที่เสี่ยงถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ล้วนสร้างความท้าทายให้กับทุกธุรกิจ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 3% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือน เม.ย.ที่ 2.8% และคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะขยายตัวที่ 2.0 %

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ภาคธุรกิจทุกขนาดเริ่มหันมาตั้งคำถามว่า “เราจะก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปได้อย่างไร? เเละความยั่งยืนยังมีความจำเป็นหรือไม่”

การเติบโตที่แท้จริง ท่ามกลางโลกที่ท้าทายและไม่แน่นอน‘แค่ธุรกิจได้กำไร’ ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องอีกต่อไป กลุ่มธุรกิจ TCP จึงเดินหน้าจัดเวทีการประชุมความยั่งยืน ‘TCP Sustainability Forum 2025’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Growth: The Future of Growth: การเติบโตที่ยั่งยืน สู่อนาคตใหม่ของการเติบโต’ สะท้อนวิสัยทัศน์เชิงรุกของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เป็นการ ‘คิดใหม่’ เพื่อการเติบโตที่ดีขึ้นและยั่งยืนจริงท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

TCP Sustainability Forum 2025

“กลุ่มธุรกิจ TCP ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเชื่อมั่นว่า ‘Sustainable Growth’ จะเป็นหลักปฎิบัติที่จะทำให้เราสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น มีความสามารถในการปรับตัว ตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ และขยายขอบเขตด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในอนาคต” สราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCPยังกล่าวถึงแนวคิดการจัดงานในปีนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ TCP ในการผลักดันภารกิจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นทิศทางการเติบโตในอนาคตที่จะพาทุกธุรกิจก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกที่เผชิญอยู่

“การเติบโตแบบเดิมไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป เพราะการเติบโตอย่างรวดเร็วทางตัวเลขที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม อาจทิ้งภาระให้คนรุ่นต่อไปต้องแบกรับ”

สำหรับกลุ่มธุรกิจ TCP แนวคิด ‘Sustainable Growth’ จึงเป็นมากกว่าเป้าหมาย แต่กลยุทธ์และแนวคิดสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในวันนี้และในอนาคต “เพราะเราเชื่อว่า นี่คือแนวคิดที่จะพาเราก้าวข้ามวิกฤต และเป็นรากฐานของการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”

“ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราได้ลงมือทำจริงในการบูรณาการแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการทรัพยากร และการมีส่วนร่วมกับชุมชน เวที TCP Sustainability Forum 2025 เกิดขึ้นจากความเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงไม่อาจทำได้เพียงลำพัง เราต้องรวมพลังของภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างแนวทางของการเติบโตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และสามารถส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้คนรุ่นถัดไป”

เวทีนี้จะทำให้เห็นถึงทัศนะและมุมมองเชิงลึกของแนวคิด ‘การเติบโตที่ยั่งยืน’ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงแนวคิดการทำธุรกิจของยุคสมัย วิสัยทัศน์เชิงนโยบาย กลยุทธ์องค์กร ตลอดจนแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม

สรุป 5 ประเด็นเชิงลึกสะท้อนแนวคิด Sustainable Growth จากผู้นำหลากหลากธุรกิจ

1.การพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างจีน-ไทยในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน

“การพัฒนาที่ยั่งยืน ไม่ใช่ภารกิจร่วมของยุคสมัยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่เราจะได้ร่วมกันสร้างอนาคต” เจียง เหว่ย ท่านอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าว พร้อมฉายภาพความสำเร็จของแนวทางและมาตรการที่นำไปสู่การก้าวเดินอย่างมั่นคงบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของจีน ด้วยเป้าหมาย ‘คาร์บอนสองประการ’ คือ มุ่งบรรลุการปล่อยคาร์บอนระดับสูงสุดภายในปี 2030 และบรรลุการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2060” ผ่านแนวทางและมาตรการต่างๆ อาทิ การปรับโครงสร้างและยกระดับอุตสาหกรรมเป็นแกนหลัก ผลักดันอุตสาหกรรมเกิดใหม่ ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมวิทยศาสตร์และเทคโนโลยี ปรับโครงสร้างด้านพลังงาน ลดสัดส่วนของอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง พัฒนาระบบไฟฟ้าแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานใหม่ ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ไปจนถึงการปรับปรุงกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม

TCP Sustainability Forum 2025

“ผลสำเร็จจากการพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการปรับโครงสร้างหลัก 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโตเฉลี่ยปีละ 6% โดยมีการบริโภคพลังงานเพิ่มขึ้นเพียงเฉลี่ยปีละ 3% การใช้พลังงานต่อหน่วย GDP ลดลงกว่า 35% ส่วนการใช้พลังงานที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในโครงสร้างการใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 9% เป็นมากกว่า 18%”

จีนครองอันดับหนึ่งของโลกด้านกำลังการติดตั้งพลังงานแสดงอาทิตย์ต่อเนื่องหลายปี และยังขึ้นเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ครองอันดับหนึ่งของโลกทั้งการผลิตและยอดขาย จนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบคมนาคมสีเขียวของโลก

เจียง เหว่ย มองว่าแนวคิดการพัฒนาแนวใหม่ของจีนสอดคล้องอย่างยิ่งกับโมเดล BCG ของประเทศไทย (เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) พร้อมชี้แนะข้อเสนอความร่วมมือการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างจีน-ไทย

“ตลาดผู้บริโภคของจีนมีความหลากหลายและเฉพาะตัว ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมของจีนกำลังก้าวสู่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเชิงอัจฉริยะ ปัจจุบัน จีนมีขนาดเศรษฐกิจรวมเกือบ 19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่านำเข้าต่อปีมากกว่า 2.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ ครอบคลุมประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน มูลค่ารวมเกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ล้วนเป็นโอกาสของผู้ประกอบการในประเทศไทย”

โอกาสที่ เจียง เหว่ย ชี้ให้เห็นไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรและการแปรรูปอาหาร ที่สามารถผนึกศักยภาพด้านทรัพยากรของไทยเข้ากับรวมกันเทคโนโลยีการเพาะปลูกสีเขียวของจีน หรือการเชื่อมโยงความร่วมมือกับวิสาหกิจจีนในประเทศไทยที่ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 1,000 แห่ง ในจำนวนนี้มีอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ พลังงานแสงอาทิตย์ และการพัฒนาพลังงานสีเขียว หรือแม้แต่ การขยายตัวของอีคอมเมิร์ชข้ามพรมแดน ล้วนเปิดโอกาสใหม่สำหรับการส่งออกสินค้าของนานาประเทศเข้าสู่ตลาดจีน

“เชื่ออย่างยิ่งว่าจีนและไทยมีทั้งศักยภาพและความพร้อมที่จะก้าวเดินไปด้วยกันในกระแสเศรษฐกิจสีเขียว ร่วมแบ่งปันโอกาสและร่วมกันสร้างอนาคต เพื่อก้าวสู่เส้นทางแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นคง” เจียง เหว่ย กล่าว

2. การปรับโครงสร้างเชิงสถาบัน ความท้าทายใหม่สู่การเติบโตที่ยั่งยืน

บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรฉายภาพปัจจัยโครงสร้างเชิงสถาบันของไทย พร้อมชวนตั้งคำถามถึงทิศทางการพัฒนาและความร่วมมือเพื่อสร้างการเติบโตที่มีความหมาย

TCP Sustainability Forum 2025

จากตัวเลขดัชนีระดับโลกหลายตัวพบว่า ประเทศไทยไม่ได้แค่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกันนานาประเทศ แต่มีแนวโน้มดัชนีที่ ‘ถดถอยอย่างต่อเนื่อง’ ไม่ว่าจะเป็น GNI ต่อหัว อยู่ที่อันดับ 102 จาก 198 ประเทศ หรือ ดัชนีความเหลื่อมล้ำอยู่ที่อันดับ 50 จาก 85 ประเทศ

“ในขณะที่โลกเร่งเครื่องการเติบโต โดยเฉพาะหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมแค่ 200 ปี เพิ่มขึ้นถึง 240 เท่า ผลผลิตรวมของโลกพุ่งกว่า 2,000 เท่า แต่ประเทศไทยกลับชะลอตัวต่อเนื่อง หลังวิกฤตต้มยำกุ้งการเติบโตของไทยลดเหลือ 5% พอมาเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ก็ลดลงไปเหลือเพียง 3.5% หลังวิกฤตโควิด-19 การเติบโตลดเหลือเพียง 1.5% และปี 2568 คาดว่าจะโตเพียง 1.6-1.7% เท่านั้น”

แม้แต่ดัชนีสิ่งแวดล้อม Environmental Performance Index (EPI) ที่ประเมินความสามารถของประเทศในการดูแลสิ่งแวดล้อม 3 ด้าน ได้แก่ Environmental Health สุขภาพสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศ น้ำเสีย, Ecosystem Vitality ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และ Climate Change ความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ไทยอยู่อันดับ 90 จาก 180 สะท้อนว่าไทยไม่สามารถดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพของประชาชนได้อย่างเพียงพอ

“จุดอ่อนของเราคือ คุณภาพอากาศ อยู่อันดับที่ 139 ทรัพยากรน้ำ อยู่อันดับที่ 121 แม้จะมีเรื่องการรับมือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่อยู่อันดับ 65 แต่ภาพรวมไทยยังต้องปรับปรุงหลายด้าน”

บรรยงเสนอกรอบคิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ควรถูกมองแค่ในเชิงปริมาณ ต้องประกอบด้วย 3 มิติที่สมดุลกัน ได้แก่ ความมั่งคั่ง หรือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น, การกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม ที่มุ่งเน้นการเติบโตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และความยั่งยืนหรือการเติบโตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือบั่นทอนเสถียรภาพระยะยาวของประเทศ

“นี่ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่หากจะเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจากทุกคน เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นภาระยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต้องให้ความสนใจ”

3. การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวในฐานะกลไกเศรษฐกิจ

แนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว ‘Green Transition’ คือโอกาสของทุกธุรกิจในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)บอกว่า “ความท้าทายต่อจากนี้ไม่ธรรมดา ถ้าเราไม่ปรับเราก็อยู่ไม่รอด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันที่เกิดขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ ส่งผลกระทบกับประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในด้านภาคตลาดทุน ภาคการผลิต และค่าเงิน”

TCP Sustainability Forum 2025

คำถามคือในวันที่สงครามการค้าและเทคโนโลยีกำลังปะทุ โอกาสของไทยอยู่ตรงไหน?

ดร.กอบศักดิ์ ชี้ให้เห็นโอกาสในวันที่การกระจายฐานการผลิตไปยังอินเดียและอาเซียนเพื่อลดความเสี่ยง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ ตัวเลขกระแสการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สูงถึง 1 ล้านล้านบาท โดยอุตสาหกรรมดาวเด่นคือ ยานยนต์ไฟฟ้า, แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และดาต้าเซ็นเตอร์

“ไทยกำลังอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในฐานะศูนย์กลางการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุน เราเป็นประตูสู่ตลาดขนาดใหญ่อย่างจีนและอินเดียและยังเป็นฐานการผลิตที่ทันสมัย”

การเปลี่ยนผ่านในด้านโครงสร้างอุตสาหกรรมนำไปสู่ ‘The Great Green Transition’ แม้สหรัฐอเมริกาจะถอนตัวจากข้อตกลงปารีสและยกเลิกเป้าหมาย Net Zero จนเกิดความล่าช้าในการบังคับใช้ CBAM แต่ ดร.กอบศักดิ์ มองว่า Green Transition ยังจำเป็นที่จะต้องดำเนินต่อ เพราะหลังจากนี้ภัยพิบัติต่างๆ จะยิ่งรุนแรงขึ้น ใครเริ่มปรับตัวก่อนได้เปรียบ นี่เป็นโอกาสของการเตรียมการ ก่อนที่ทั่วโลกจะกลับมาจริงจังกับเรื่องนี้อีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็เร่งเตรียมการร่างกฎหมายโลกร้อนและสนับสนุนภาคเอกชนลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน พร้อมสนับสนุนนวัตกรรมสีเขียว

“การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและ Green Transition คือการลงทุนที่ดีที่สุด เนื่องจากต้นทุนของเทคโนโลยีลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอุตสาหกรรมที่ไทยเป็นฐานการผลิตและยังคงใช้เทคโนโลยีเดิม เช่น รถสันดาป, อิเล็กทรอนิกส์, โรงงานเหล็ก, โรงงานปิโตรเคมี กำลังจะหายไป ไม่เว้นแม้แต่ภาคการเกษตรและปศุสัตว์ที่จะถูกเทคโนโลยีเข้ามากระทบ”

“โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจากเทคโนโลยีสมัยใหม่และการมาถึงของ AI การปรับตัวจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ความอยู่รอดของภาคธุรกิจขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และความสามารถในการปรับตัวให้เท่าทันโลกที่กำลังเปลี่ยนไป” ดร.กอบศักดิ์กล่าว

4. เจาะลึกกลยุทธ์ก้าวข้ามธุรกิจแบบเดิมสู่กลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

แนวทางเสริมความยืดหยุ่นและศักยภาพการแข่งขันขององค์กรยุคใหม่ ด้วยกลยุทธ์ ‘การก้าวข้ามธุรกิจแบบเดิม’ สู่กลยุทธ์ใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนกลุ่มธุรกิจ TCP เริ่มต้นขึ้นจากมุมมองที่ว่า “การทำแบบเดิม แผนงานแบบเดิม ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป Sustainable Growth คือเป้าหมายใหม่ที่โลกต้องการ”

TCP Sustainability Forum 2025

ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าปรับสมดุล (Rebalancing) โดยการประเมินและทบทวน เพื่อโฟกัสและจัดลำดับความสำคัญใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ (Reinvention) โดยการเปลี่ยนวิธีการทำงาน วิธีคิด ช่องทางการจัดหน่าย ปรับรูปแบบธุรกิจให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

สิ่งที่กลุ่มธุรกิจ TCP ยึดมั่นและทำมาโดยตลอดคือการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุม E+ESG คือ Economic, Environment, Social และ Governance

โดยมี 3 กลยุทธ์และแนวคิดสำคัญที่นำไปสู่ ‘Sustainable Growth’ 

โดยมี 3 กลยุทธ์และแนวคิดสำคัญที่นำไปสู่ ‘Sustainable Growth’

  • การขยายการเติบโตอย่างหลากหลาย (Growth Diversification)ผ่านการศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มการตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง พบว่า 5 ปีข้างหน้าเครื่องดื่มให้พลังงานจะเติบโตถึง 11.36% ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพจะเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของผู้คน โดยมีนวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะช่วยในการเพิ่มมูลค่าและยกระดับประสบการณ์ของผู้บริโภค AI จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ TCP ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กร
  • การยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน (Operational Efficiency & Competitive Excellence)ด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาเสริมทั้งกระบวนการดำเนินธุรกิจและการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืน ที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจ TCP มีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนทคโนโลยีมากมาย อาทิ ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) การนำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพรวมถึงพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิต รวมถึงการลงทุนพัฒนา AI รวมกับ Microsoft เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือแม้กระทั่งการทำ Marketing Excellence อย่าง The 14th Red Bull Desert Adventure, Red Bull Skate Park เพราะ Marketing ไม่ใช่ต้องเพื่อการขายอย่างเดียว ต้องช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย
  • การสร้างรากฐานเพื่ออนาคต (Future-Ready Foundation)วางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับอนาคตด้วยการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ตั้งแต่การพัฒนาคน สร้างองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญภายในองค์กรในด้านต่างๆ เช่น AI, Digital, Innovation และ Analytics รวมไปถึงการปลูกฝังแนวคิด ESG ให้เป็น DNA ของคนในองค์กร เพื่อทำให้ความยั่งยืนเป็นแนวคิดหลักในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และเป็นรากฐานของการเติบโตในระยะยาว

“นอกเหนือจากกลยุทธ์ข้างต้น สิ่งสำคัญคือ ความสามารถในการปรับตัวขององค์กร เพราะความยั่งยืนที่แท้จริงคือการที่เราพร้อมปรับตัวในทุกการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี เพราะนั่นคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” สราวุฒิกล่าว

TCP Sustainability Forum 2025

ด้าน ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า AI จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพธุรกิจ โดยผู้ใช้งานต้องมองให้เห็นใน 4 มิติสำคัญของ AI ได้แก่

  • Empower People ปลดล็อกศักยภาพของพนักงานทุกระดับ ให้ AI มาช่วยให้คนทำงานดีขึ้น
  • Reinvent Customer Experience เข้าใจลูกค้ารายบุคคลได้ดียิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์เฉพาะที่ตอบโจทย์จริง
  • Transform Business Process เป็นการเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้ลื่นไหลและปรับตัวได้ไว
  • Accelerate Innovation ทดลอง พัฒนา และปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและพฤติกรรมผู้บริโภค

“เป้าหมายของ Microsoft คือการสนับสนุนให้องค์กรทุกไซส์สร้างนวัตกรรมและเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย AI เพื่อให้เกิดคุณค่าทางธุรกิจ ทั้งในด้านผลกระทบและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และกลายเป็น Software Company’ ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนวัตกรรมจะเป็นเครื่องมือที่สร้างความแตกต่างและข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้กับองค์กร”

ธนวัฒน์ บอกว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ใช้เป็นแต่ต้องสามารถสร้างโซลูชั่นผ่านเครื่องมือง่ายๆ ชนิดที่พนักงานทั่วไปก็ทำได้โดยไม่ต้องรอทีมไอที

“วิสัยทัศน์ของ Microsoft ในปี 2030 คือ การสร้าง Frontier Firm เพิ่มขึ้น 10 เท่า เปลี่ยนประเทศไทยเป็น ‘Frontier Country’ ทุกองค์กรสามารถใช้เทคโนโลยีสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและสร้างคุณค่าให้กับโลก หากสิ่งนี้เกิดขึ้นจริงจะสร้างโอกาสมหาศาลและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับประเทศ”

5. กรณีศึกษาการเติบโตที่ยั่งยืนจากผู้ประกอบการ SMEs

เพื่อให้เห็นภาพการนำการเติบโตที่ยั่งยืนไปปฏิบัติจริงได้ชัดขึ้น เหล่าผู้ประกอบการจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) จึงมาร่วมแชร์ประสบการณ์จริง ตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่า ‘ความยั่งยืนไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาสสำคัญของธุรกิจ’

TCP Sustainability Forum 2025

ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เพนนิน เพนนี พาทิซเซอรี่ จำกัด แบรนด์ข้าวโพดอบกรอบพรีเมี่ยมที่นำเทคโนโลยี Airpop ช่วยลดการใช้น้ำมันและลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินต์ เลือกใช้ข้าวจากโครงการที่ช่วยชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นและหันมาปลูกพืชสร้างรายได้ใน 11 ประเทศ

บริษัท ไทยนำโพลีแพค จำกัด บริษัทผลิตพลาสติกที่นำโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) มาเป็นแนวทางในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน ทั้งฟิล์มย่อยสลายได้จากพืช 100% หรือบรรจุภัณฑ์จากเยื่อไผ่

บริษัท คอมม่อน ฟู้ด โซลูชั่น จำกัด การสร้างแบรนด์น้องใหม่ Never Enough คอมมอน ฟู้ด โซลูชั่น ที่ตั้งเป้าลด Food Waste ด้วยการรับซื้อผักผลไม้ที่หลุด QC จากเกษตรกรมาผลิตเป็นสินค้า ติดตั้งโซลาร์เซลล์ ผลิตน้ำใช้เอง และสร้างระบบจัดการขยะที่ชุมชนรอบโรงงานมีส่วนร่วม

ขณะเดียวกัน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature: IUCN) ยังแชร์บทเรียนพร้อมกรณีศึกษาให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถนำไปปรับตัวสู่ธุรกิจได้ กับงานที่ทำร่วมกับกลุ่มธุรกิจ TCP กับ โครงการ “TCP ปลุกพลังความยั่งยืน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน”เพื่อทดลองศึกษาโมเดล Extended Producer Responsibility (EPR) ผ่านการทำงานจริงในพื้นที่ในจังหวัดระนอง โดยการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งการทำกิจกรรมกับร้านค้าและชุมชน หนึ่งในหัวใจของโครงการคือการทำงานกับ ‘ร้านโชห่วยในชุมชน’ โดยใช้กลไกโปรโมชั่น เช่น ซื้อผลิตภัณฑ์ 8 ชิ้นคืนบรรจุภัณฑ์แลกรับ 1 ชิ้น หรือ 10 ชิ้นแลก 1 ชิ้น ทำให้ร้านโชห่วยกลายเป็นจุดรับคืนบรรจุภัณฑ์ เชื่อมโยงผู้บริโภคเข้ากับระบบรีไซเคิล เมื่อร้านค้าเก็บบรรจุภัณฑ์ได้จำนวนหนึ่ง ก็สามารถนำไปขายต่อให้กับโรงรับซื้อรีไซเคิลที่ได้มาตรฐาน สร้างรายได้เสริมให้กับร้านค้า ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็เรียนรู้ว่า บรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว ไม่ใช่ขยะ แต่ยังมีคุณค่า

นอกจากทัศนะและมุมมองเชิงลึกของแนวคิด ‘การเติบโตที่ยั่งยืน’ จากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม บนเวทีที่สรุปมาให้ ภายในงานยังมีการมอบรางวัล TCP Outstanding Sustainability Supplier Award ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก จำนวน 6 รางวัล แก่คู่ค้าที่มีผลงานดีเด่น และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างโดดเด่น ตอกย้ำความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ในการขับเคลื่อนธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตร่วมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ภายใต้เป้าหมาย “ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า”

เพราะ ‘การเติบโตที่ยั่งยืน’ คือหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

กต. เชิญสื่อแจงแนวทางดำเนินการกรณีไทย-กัมพูชา มุ่งสื่อสารประชาคมโลก

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ก้าวใหม่ของ Yonex! เปิดตัว Grpht Thrttl รองเท้าคอนเซปต์เรือธงรุ่นล่าสุด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

“เอกสิทธิ์” รับการเมืองกระทบหนักเศรษฐกิจ-ลงทุน ภาคธุรกิจรอความชัดเจนคดีนายกฯ 29 ส.ค. ขึ้นค่าแรง 400 บาททำไทยถูกเวียดนามแซง

Manager Online

ด่วน!! แจ้ง 4 ข้อหา คนขับรถกู้ภัย ฝ่าไฟแดงจนเกิดอุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิต

มุมข่าว

บอร์ดกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ มีมติเห็นชอบ-อนุมัติหลายเรื่องสำคัญ

สำนักข่าวไทย Online

จุฬาฯ - UR ร่วมจัดฟอรั่มที่กรุงเทพฯ ก้าวแรกความร่วมมือแก้ไขปัญหาเมืองในไทย

Khaosod

ศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 “ไทย-อียิปต์”

สำนักข่าวไทย Online

เด็กเขมรด่าประเทศไทย จนได้ทุนการศึกษา แบบนี้ได้ด้วยเหรอ?!

INN News

รัชดา ฟาดแรง! ต่อให้อุ๊งอิ๊งได้ไปต่อ แต่สำนึกแค่นี้ เดินไปไหนก็อาย!!

TOJO NEWS

'ริว ภาสกร' จากดาราซีรีส์วายสู่ทหารชายแดน ทำหน้าที่รับใช้ชาติปกป้องอธิปไตยของไทย

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

เทคโนโลยีด้านการเจริญพันธุ์ในมุมมอง นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้ง SAFE Fertility Group PCL เมื่อ ‘ความพร้อม’ คือหัวใจของการมีลูกในคนรุ่นใหม่ [ADVERTORIAL]

THE STANDARD

ถอดรหัสสมการ ‘กรีนที่กินได้’ ของ WHA Group เมื่อน้ำเสียอุตสาหกรรม + เทคโนโลยี = น้ำดีให้ระบบอุตสาหกรรมและต่อยอดไปยังชุมชน [ADVERTORIAL]

THE STANDARD

เปิดลิสต์ ‘ภาคธุรกิจ’ จ่ายหนี้ไม่ไหว-ผิดนัดชำระเพิ่ม KResearch ห่วงภาษีทรัมป์อาจฉุดแนวโน้มชำระหนี้ครึ่งปีหลัง ‘ถดถอย’ ลุกลามถึงธุรกิจใหญ่

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...