'แสงชัย' แนะครม.ใหม่ ทำการเมืองสีขาว เร่งแก้หนี้ เร่งกระตุ้นศก.
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ ต้องนำพาประเทศผ่านพ้นสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการสิ้นสุดวาระของคณะรัฐมนตรีรักษาการ ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจมีระยะเวลารวมถึงการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 6-7 เดือนโดยนายกรัฐมนตรีต้องคุณสมบัติหลัก 3 ประการ ได้แก่
1. มีความรู้รักสามัคคีและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ นายกฯ ต้องเป็นผู้ที่สามารถสร้างความรู้รักสามัคคีและทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนได้อย่างราบรื่น เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปได้อย่างไม่ติดขัด หลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นหลัก
2. มีขีดความสามารถและกระบวนการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต้องมี Critical Thinking มีภาวะความเป็นผู้นำที่ดี และมีความรอบรู้ สามารถนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างรวดเร็ว ในช่วงระยะเวลาสำคัญของการบริหารประเทศ
3. มีคุณธรรม จริยธรรม และการเมืองสีขาว รัฐบาลใหม่ต้องบริหารประเทศโดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และการปกครองภายใต้กฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใส มีความมุ่งมั่นที่จะสร้าง "การเมืองสีขาว" เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นและการยอมรับจากทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ วาระสำคัญที่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาที่ส่งผลกระทบในระยะยาวและต่อผู้ประกอบการ SME ซึ่งมีอยู่ 5 เรื่องหลัก
1. การแก้ปัญหาหนี้สิน ซึ่งปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตหนี้สินในหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน หนี้ กยศ. หนี้ข้าราชการ หนี้เช่าซื้อและบัตรเครดิต รวมถึงหนี้ SME และหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นกับดักสำคัญ ทีมเศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องมีมาตรการแก้หนี้ที่รวดเร็วและเหมาะสมกับแต่ละกลุ่มอย่างเพียงพอ
2. ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนต้นทุนต่ำ โดยผู้ประกอบการ SME จำนวนมากยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำ ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจและขยายกิจการได้ ทีมเศรษฐกิจต้องเร่งปรับปรุงกลไกเพื่อให้ SME สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อเป็นแต้มต่อให้พวกเขาสามารถต่อชีวิตและลมหายใจของธุรกิจต่อไปได้
3. ยกระดับขีดความสามารถ SME และภาคแรงงาน การแก้ไขปัญหาหนี้และการเข้าถึงแหล่งทุนจะเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อผู้ประกอบการ SME และภาคแรงงานได้รับการยกระดับขีดความสามารถควบคู่กันไป รัฐบาลใหม่ควรส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพเพื่อนำเงินทุนไปใช้สร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระยะยาว
4. บริหารจัดการต้นทุน โดยเฉพาะพลังงาน การบริหารต้นทุนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SME โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลควรมีนโยบายเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Clean Energy, Solar Farm ชุมชน/ท้องถิ่น) กระจายอำนาจการถือครองและการใช้พลังงาน เพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการได้รับพลังงานที่คุ้มค่า และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน โดยพลังงานจากฟอสซิลควรใช้เป็นแหล่งพลังงานสำรองในยามจำเป็นเท่านั้น
5.เร่งปฏิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ปัจจุบันกระบวนการแก้ไขกฎหมายของไทยมีความล่าช้าอย่างมาก ซึ่งสร้างอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ รัฐบาลใหม่ควรทบทวนและเร่งแก้ไขกฎหมายที่มีผลกระทบสูงต่อผู้ประกอบการและภาคธุรกิจให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การออกใบอนุญาตสำหรับโรงแรมหรือที่พักรีสอร์ทขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องเร่งด่วนที่อยากให้ครม.ชุดใหม่รีบดำเนินคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวช้าและไหลไปตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ค้ารายย่อยและ SME จำนวนมากได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากต้นทุนที่สูงขึ้น ปัญหาหนี้สิน และต้นทุนแรงงาน รัฐบาลจึงต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหมาะสมและตรงจุดในแต่ละกลุ่ม เช่น มาตรการในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหารประเภทต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมามีชีวิตชีวาและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว