วิกฤตเขากระโดง! สนามช้างฯ เสี่ยงถูกยึด ที่ดิน 5 พันไร่สะเทือนวงการกีฬาไทย
วิกฤตเขากระโดง! สนามช้างฯ เสี่ยงถูกยึด ที่ดิน 5 พันไร่สะเทือนวงการกีฬาไทย ขณะที่ 'ตนัยศิริ' ลั่นสนามแข่งระดับโลกไม่ใช่แพะการเมือง วอนรัฐคืนความเป็นธรรม
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า จากกรณีการแถลงข่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินกว่า 5,083 ไร่ ซึ่งมีผู้ถือครองมากถึง 995 ราย หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบคือ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถมาตรฐานระดับโลก มาตรฐาน FIA เกรด 1 และ FIM เกรด A และ สนามช้างอารีนา สนามฟุตบอลมาตรฐาน FIFA ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬาและเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์และประเทศไทย
ทั้งนี้ สนามช้างฯ สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท/ปี ในอุตสาหกรรมกีฬามอเตอร์สปอร์ต พร้อมทั้งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจด้าน การท่องเที่ยว, การบริการ ซึ่งมีการจ้างงานจำนวนหลายหมื่นอัตรา
สำหรับ การแข่งขันรายการแข่งขันระดับโลก เช่น MotoGP, Asia Road Racing, GT World Asia, Asian Leman ฯลฯ และอีกหลายรายการที่มีแผนจัดการแข่งขันในประเทศไทยอาจมีการย้ายประเทศสำหรับการจัดแข่งขันทันทีหากความไม่แน่นอนนี้ยังคงดำเนินต่อไปรวมไปถึงรัฐบาลจะต้องจ่ายค่าปรับจำนวนเงินมหาศาลให้กับเจ้าของลิขสิทธิ์หากต้องยกเลิกการจัดการแข่งขัน
“สนามช้างฯ ไม่ใช่แค่สนามแข่งรถ แต่คือหัวใจของอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตไทยหากไม่สามารถดำเนินงานได้ จะกระทบไปถึงเศรษฐกิจและทำให้ประเทศเสียเครดิตในเวทีโลก”
นายตนัยศิริ กล่าวว่า สำหรับข้อเท็จจริงสำคัญที่สาธารณะชนควรทราบ คือที่ดินที่เป็นพื้นที่ของสนามแข่งรถในปัจจุบัน ถูกซื้อตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งขณะนั้นกรมที่ดินได้อนุญาตให้ทำการซื้อขายและออกเอกสารสิทธิ์ให้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่วันนี้ที่ดินที่ซื้อมาอย่างถูกต้องกลับถูกคำสั่งเพิกถอนจากข้อพิพาทระหว่างกรมที่ดินกับการรถไฟ ชาวบ้านและเอกชนจึงกลายเป็นเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรม
“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของสนามแข่ง แต่คือพายุลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้าสู่วงการกีฬาไทย หากปล่อยให้การเมืองกลบทุกเสียงของความเป็นธรรม วงการมอเตอร์สปอร์ตทั้งระบบอาจล่มสลาย”
ในส่วนของ สนามช้างอารีนา ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลมาตรฐาน FIFA ที่รองรับการแข่งขันระดับชาติและเอเชีย ก็เผชิญความไม่แน่นอนเช่นกัน
นายประมูลชัย นพสุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานทรัพย์สิน และผู้อำนวยการสายงานการตลาดและการสื่อสาร สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า สนามช้างอารีนา ไม่เพียงแต่เป็นสนามเหย้าของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แต่ยังเป็นสังเวียนการแข่งขันระดับชาติและนานาชาติ ที่มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของวงการลูกหนังไทย ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์
ขณะที่ ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของเอกสารสิทธิหรือการจัดการที่ดินเท่านั้นแต่คือความมั่นคงและศักยภาพของจังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะเมืองต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศไทย
หากในท้ายที่สุดแล้ว ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยไม่มีแนวทางแก้ไขที่รอบคอบ จะไม่ใช่แค่บุรีรัมย์ที่เสียหาย แต่คือวงการกีฬาทั้งระบบ อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานรัฐหน่วยใดส่งมายังสโมสร ดังนั้นขอยืนยันว่า สนามช้างอารีนา จะถูกใช้เป็นสถานที่จัดรายการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและนานาชาติตลอดปี 2025/2026 ตามกำหนดการเดิม
นายชนินทร์ แก่นหิรัญ ทนายความของกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า ข้อพิพาทสิทธิใน ที่ดินเขากระโดง แม้จะมีคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์บางคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แต่ภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง คำพิพากษาดังกล่าวผูกพันเฉพาะคู่ความและที่ดินพิพาทในคดีเท่านั้น ไม่อาจยกขึ้นยันกับราษฎรผู้ถือเอกสารสิทธิตามกฎหมายในที่ดินแปลงอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวและได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 และมาตรา 3 อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 37 อีกด้วย