โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

คุยกับ ‘คุ้ย ทวีวัฒน์’ ถึง ‘ท่าแร่’ และตำราความหลอนที่นำ 13 Studio ยืนหยัดในธุรกิจหนังไทย

Capital

อัพเดต 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Insight

ในฐานะคนรักหนังไทยคนหนึ่ง ชื่อของ ‘คุ้ย–ทวีวัฒน์ วันทา’ ทำให้ผมใจเต้นระรัวทุกครั้งที่ได้ยิน

เขาคือผู้กำกับหนุ่มหัวขบถที่สร้างเกียรติศัพท์จากหนังสุดคัลต์หลุดโลกอย่าง ขุนกระบี่ ผีระบาด (2547) และ อสุจ๊าก (2550) ก่อนจะแจ้งเกิดเต็มตัวกับ ทองสุก 13 (2556)ผลงานมาสเตอร์พีซ ที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นหนังผีในดวงใจ ด้วยลีลาชั้นเชิงการเล่าเรื่องหักมุมหลอกคนดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าพานหัวทิ่มบ่อ ผิดขนบไปจากหนังผีไทย ณ เวลานั้นที่เน้นฉากหลอนตุ้งแช่ หรือเขย่าโสตประสาทผ่านบรรยากาศสยองขวัญ

หลังห่างหายไปจากวงการจอเงินนานเกือบ 10 ปี ทวีวัฒน์กลับมาอีกครั้งกับผลงานเรื่องธี่หยด (2566) และธี่หยด 2 (2567) ที่พาเจ้าตัวขึ้นแท่นตำแหน่งผู้กำกับพันล้าน พร้อมสถาปนาเป็นเจ้าพ่อหนังผีไทยคนใหม่ ด้วยการทลายขนบกำแพงสูตรทำหนังสยองขวัญคนวิ่งหนีผี มาเป็นคนสู้ผีแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จนกลายเป็นลายเซ็นการกำกับที่ยากจะเลียนแบบ

กระทั่งเมื่อต้นปี 2568 ทวีวัฒน์ได้ตัดสินใจเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของ ‘13 Studio’ สตูดิโอผลิตหนังสยองขวัญ ที่รวบรวมเหล่าผู้กำกับรุ่นใหม่ฝีมือดี ประจวบเหมาะกับช่วงที่ผีไทยถูกรัฐบาลชุดปัจจุบันยกให้เป็น ‘โปรดักต์’ ในการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์รูปแบบบันเทิงที่สร้างรายได้ตัวเลข GDP มหาศาล

แต่ในความพอเหมาะพอดีที่ว่า ทวีวัฒน์ตระหนักได้ถึงความท้าทายในฐานะคนทำหนัง และในฐานะผู้บริหารสตูดิโอหนังสยองขวัญที่ต้องคิดสูตร ‘หลอก’ สดใหม่มาเสิร์ฟผู้บริโภค ในยุคที่คนเข้าโรงหนังน้อยลงทุกวัน เพราะถูกสตรีมมิงเข้ามาแย่งชิงพื้นที่

ในวาระที่ ‘ท่าแร่’ ผลงานเรื่องล่าสุดของทวีวัฒน์กำลังเข้าโรงฉาย เราเลยชวนเขามาพูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมบอกเล่า ‘สูตรหลอน’ ที่พาคนทำหนังผีอยู่รอดในยุคนี้

จากวันแรกจนถึงวันนี้ที่รับหน้าที่เป็นผู้บริหารของ 13 Studio ชีวิตการทำงานของคุณเปลี่ยนไปไหม

ต้องบอกว่าสนุกดีครับกับบทบาทนี้ สนุกที่ว่าคือต้องมาเรียนรู้เรื่องของการจัดการบริหาร จริงๆ แล้วตอนที่ได้ทำงานกำกับสิ่งที่ผมสนุกที่สุดคือการคิดไอเดีย แต่พอต้องมาดูแลฝั่งบริหารมันมีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่านั้น เช่นเรื่องการดูแลทรัพยากรบุคคลที่จะทำยังไงให้คนหมู่มากรวมพลังและมองเป้าหมายแบบเดียวกัน

อย่างกรณี ATTACK วิญญาณเลขที่ 13 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในนาม 13 Studio ที่พอออกฉายไปแล้วได้รับฟีดแบ็กกลับมาว่าไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องการตลาด เราก็ต้องมาทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงไม่ตอบโจทย์ตามที่หวังไว้ พอกลับมาดูเรื่องกลุ่มผู้ชมที่เข้ามาดูปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานที่มีกำลังซื้อ แต่เรากลับเลือกเจาะกลุ่มตลาดนักเรียน นักศึกษา เนื้อหาที่เล่าในหนังก็พูดถึงชีวิตวัยรุ่น หรืออย่างโปสเตอร์เราก็อยากจะฉีกขนบธรรมเนียมหนังผีที่ปกติมืดๆ หม่นๆ ให้มีสีสันฉูดฉาดเพราะผมกับคนทำโปสเตอร์ชอบการ์ตูนเรื่อง Dandadan เหมือนกัน

พอออกมาโทนนี้มันเลยสวนทางกับกลุ่มตลาดที่เราพยายามเจาะ ซึ่งเด็กสมัยนี้เขาเลือกดูคอนเทนต์ผ่านโซเชียลฯ ดูหนังผ่านสตรีมมิงเสียส่วนใหญ่ เหล่านี้เป็นเรื่องของวิธีคิดวิธีบริหารที่ต้องเรียนรู้เพิ่ม ต่างจากเมื่อก่อนที่เรารู้แต่วิธีการสร้างคอนเทนต์ยังไงให้น่าสนใจ

สำหรับคุณ การสวมหมวกงานผู้บริหารกับงานผู้กำกับหนัง งานไหนที่แบกรับความกดดันมากกว่ากัน

ตอนทำงานผู้กำกับหนังเรารู้สึกได้ถึงความเครียดอยู่แล้ว แต่มันเป็นความเครียดที่มาพร้อมกับความสนุกเวลาได้ลงมือทำงานจริง แต่พอมาสวมหมวกอีกใบหนึ่งในฐานะผู้บริหารต้องยอมรับว่าเครียดกว่าเดิมอีก

อย่างโปรเจกต์ท่าแร่ที่ได้มาทำกับสหมงคลฯ ผมก็ต้องมานั่งถกกับฝั่งพีอาร์ว่า ทำไมตรงนี้ต้องมีการแก้ไขนะ ทั้งที่เรามั่นใจในหนังของตัวเองมากๆ แต่พอมานั่งดูจริงๆ หนังของเรามันเข้าถึงแค่กลุ่มคนบางกลุ่ม ไม่ได้เขาถึงคนหมู่มาก ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องมาร์เก็ตติ้งที่เราต้องทำควบคู่ไปพร้อมกับคุณภาพหนัง

ทำคอนเซปต์แบรนดิ้งของ 13 Studio ให้ต่างจากสตูดิโอผลิตหนังเจ้าอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดยังไง

เรากำหนดคาแร็กเตอร์ของ 13 Studio ชัดเจนว่าเราอยากทำเฉพาะหนังสยองขวัญ เป็นบริษัทที่ทำหนังสยองขวัญอย่างเดียวไม่ได้ทำหนังหลากหลายแนว เหมือนฝั่งต่างประเทศที่เวลาคนดูเห็นโลโก้ของ Blumhouse แล้วรู้ทันทีว่าเขากำลังจะได้ดูหนังสยองขวัญ

อีกความตั้งใจของเราคือการการันตีคุณภาพผลงานให้ได้มาตรฐานในทุกๆ เรื่องที่ผลิต เพื่อให้คนดูเกิดความมั่นใจ เพราะเมื่อไหร่ที่คนดูมั่นใจในตัวแบรนดิ้งก็จะมีพื้นที่ให้คนทำหนังกล้าใส่ไอเดียใหม่ๆ ลงไปเต็มที่

ในฐานะที่คุณเป็นผู้บริหารของค่าย 13 Studio คุณมีวิธีผลักดันผู้กำกับภาพยนตร์ในสังกัดซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ยังไง

ผมใช้วิธีดูงานเก่าๆ เพื่อจะได้เห็นสไตล์ เห็นวิธีการทำงานของแต่ละคน คนนี้เหมาะกับงานที่มีความเป็นคอเมดี้ คนนี้เหมาะกับแนวเฮอร์เรอร์ หรือพื้นฐานโตมาจากงานประเภทไหน ประเภทเอ็มวี ประเภทงานโฆษณา เพื่อจะได้เลือกโปรเจกต์ที่เหมาะกับคนคนนั้นจริงๆ

เพียงแต่เราอาจจะทำความเข้าใจกับเขาว่า โปรเจกต์ที่คุณกำลังจะทำ เราขอเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น การพัฒนาพล็อตเรื่อง พูดง่ายๆ คืออารมณ์ประมาณเป็นพี่เลี้ยง แต่ส่วนตัวผมให้อิสระคนทำงานเพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนมีของ ฉะนั้นเราต้องไม่เอาความคิดของเราไปครอบเขาไว้

คุณคิดว่าบ้านเรามีวัตถุดิบชั้นดีมากมายในการทำหนังสยองขวัญดีๆ สักเรื่องมากน้อยแค่ไหน

ผมเคยได้ยินคนพูดในรายการ The Ghost Radio ว่า ถ้าที่ศาลมีนางรำเราก็จะเจอผีนางรำ แต่ถ้าเราเอาอุลตร้าแมนไปวางที่ศาลแทนเราก็จะเจอผีอุลตร้าแมน คือบ้านเรามีผีเยอะมาก เยอะจนเรารู้สึกสนุกไปกับการนำเรื่องเล่าเหล่านี้มาต่อยอดคิดไอเดีย (หัวเราะ)

สำหรับผมหนังผีเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของบ้านเราที่แข็งแรงมากๆ หนังที่ส่งออกต่างประเทศลำดับต้นๆ หรือยอดกดดูในสตรีมมิงส่วนใหญ่ก็คือหนังผี ซึ่งผมว่าการทำหนังผีมันเป็นเรื่องของการแข่งขันทางไอเดีย เรื่องผีเรื่องความเชื่อคือต้นทุนที่คนทำหนังทุกคนมีเท่ากัน คุณไม่จำเป็นต้องทำให้อลังการระเบิดภูเขาเผากระท่อม แต่จะเล่ายังไงให้คนดูรู้สึกกลัว รู้สึกตื่นเต้น นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องคิดให้ออก

นับตั้งแต่ ธี่หยด 1, ธี่หยด 2, Attack วิญญาณเลขที่ 13 จนถึงผลงานล่าสุดเรื่อง ท่าแร่ความยากของการทำงานภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องนี้แตกต่างกันยังไง ในยุคที่คนดูหนังสยองขวัญมีความคาดหมายสูง

ผมว่ามันเป็นเทรนด์ แต่ก่อนเราตีความว่าหนังสยองขวัญคือหนังเกรดบี ในหมวดจำพวก slasher (ฆาตกร) จนวันหนึ่งเราปรับหมวดหนังสยองขวัญอยู่ในแนว slow burn ค่อยๆ สร้างมวลความหลอนแล้วปล่อยหมัดฮุกในองค์สุดท้าย

จนตอนที่ผมกลับมาทำหนังสยองขวัญอีกครั้งผมรู้สึกว่าวิธี slow burn ใช้ได้กับแค่คนดูเฉพาะกลุ่ม มันควรจะมีจังหวะการเล่าเรื่องที่ตื่นเต้นขึ้น ผมเลยตั้งใจปรับโทนหนังสยองขวัญให้มีทั้งความน่ากลัวและความตื่นเต้นโลดโผนเหมือนคุณขึ้นรถไฟเหาะที่วิ่งม้วนไปม้วนมา ผลลัพธ์ที่ได้เลยออกมาเป็นหนังแบบ ทองสุก 13 หรือ ธี่หยด ทั้ง 2 ภาค

ตอนที่เทรนด์หนังสยองขวัญถูกเล่าในเชิง coming of age เหมือนเรื่อง The Black Phone หรือซีรีส์ Stranger Things ที่ตัวละครเติบโตไปพร้อมกับการเจอผีร้าย ผมพยายามควานหาว่าในบ้านเรามีเรื่องไหนที่น่าสนใจและยังไม่มีใครทำ จนนึกถึงตำนานเกี่ยวกับ Pope horror ซึ่งเป็นตำนานปราบผีของบาทหลวงที่ผมว่าเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการเล่าเรื่อง

คือผมจินตนาการถึงยุคสมัยหลังสงครามเวียดนาม ที่มีพ่อค้ายาส่งยาเสพติดเข้ามาในประเทศจำนวนมากจนเจ้าหน้าที่ซีไอเอต้องตามมาจัดการ ก่อนจะพบว่าพ่อค้ายาเลี้ยงผีไว้สู้กับซีไอเอ จนซีไอเอต้องตามบาสหลวงมาจัดการ แต่บาทหลวงปราบไม่ได้เลยต้องตามหมอผีไทยมาช่วย ไอเดียมันเลยเถิดไปไกลจนใครต่อใครบอกว่าพี่อย่าทำเลยมันเพี้ยน

จนกระทั่งวันหนึ่งทางสหมงคลฯ ติดต่อขอส่งไฟล์ pitch deck ปรากฏว่าไอเดียที่ได้เห็นน่าตื่นเต้นมาก เป็นไอเดียตรงกับสิ่งที่ผมอธิบายไปเมื่อกี้ แต่เป็นไอเดียในเวอร์ชั่นเข้าที่เข้าทางกว่าเยอะ ก็เลยตัดสินใจร่วมกันพัฒนาจนกลายมาเป็นโปรเจกต์ท่าแร่

หลังตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องท่าแร่ถูกปล่อยออกมา ผู้ชมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เนื้อหามีความเป็นหนังสยองขวัญในแบบกลิ่นอายสากล สิ่งนี้คือความตั้งใจที่คุณวางไว้แต่แรกหรือเปล่า

ใช่ แต่อันที่จริงกระบวนการทำงานมันก็มีความยากระดับหนึ่ง ถึงจะบอกว่าเราพยายามดำเนินเรื่องผ่านตัวละครที่เป็นบาทหลวง (บาทหลวงเปาโล รับบทโดย เจมส์–จิรายุ ตั้งศรีสุข) แต่ลึกๆ เรารู้สึกว่าอาชีพบาทหลวงต้องอยู่ในอเมริกา อยู่ในยุโรป ดังนั้นความยากของเราคือจะเซตตัวละครให้อยู่ในบริบทที่ถูกต้องยังไง

กระทั่งเราผ่านกระบวนการรีเสิร์ชเก็บข้อมูลจนมาเจอกับชุมชนคริสต์คาทอลิกที่ใหญ่ที่สุด ที่อยู่ในตำบลท่าแร่ เราถึงมั่นใจว่านี่แหละมันมีมูลความจริงมากพอที่สามารถเล่าได้ สามารถนำบาทหลวงซึ่งดูอินเตอร์ไปอยู่ในชุมชนท้องถิ่นโดยที่คนดูไม่รู้สึกประดักประเดิด

นอกจากการรีเสิร์ชพื้นที่ เรื่องของคาแร็กเตอร์ตัวละครเราก็ต้องทำการบ้าน อย่างการทำความเข้าใจว่าบาทหลวงเขามีวิธีการปราบผียังไง เราก็ต้องไปสอบถามข้อมูลกับคุณพ่ออนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย จนเรารู้ว่าการที่บาทหลวงจะปราบผีได้ต้องได้รับใบอนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งในประเทศไทยมีบาทหลวงที่สามารถปราบผีได้อยู่ไม่ถึง 10 คน แต่ละซีนที่มีขั้นตอนการปราบผี ไปจนถึงเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผมของผู้ทำพิธีก็ต้องให้คุณพ่ออนุชาช่วยดูความถูกต้อง

ส่วนอีกตัวละครหลักของเรื่องเป็นหมอเหยา (แม่เมืองโสภา รับบทโดย มีน–พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) เราก็ต้องไปปรึกษากับครูคิม ซึ่งเป็นที่ปรึกษาภูไทในจังหวัดสกลนคร เพราะตัวละครหมอเหยาในเรื่องต้องพูดภาษาภูไท ก่อนที่ครูคิมจะพาเราไปพบกับแม่หมอโอปอล์ ดาวติ๊กต็อกที่มีอาชีพเป็นหมอเหยาจริงๆ ก็ไปลงลึกว่าหมอเหยาเขามีวิธีรักษาชาวบ้านยังไง พิธีกรรมปราบผีเป็นยังไง

https://youtu.be/YUVDUWrkbMc?feature=shared

(ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องท่าแร่)

ข้อดีจากหนังของคุณคือการที่พื้นที่ชุมชนในต่างจังหวัดได้รับการสนใจจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เหมือนกรณีของสวนพฤกษศาสตร์ระยองที่กลับมาได้รับความนิยมล้นหลามหลัง ธี่หยด 2 ออกฉาย กับท่าแร่คิดว่ามีโอกาสเป็นแบบนั้นได้บ้างไหม

ต้องบอกว่าในตำบลท่าแร่มีหลายเจเนอเรชั่นที่คอยผลักดันบ้านเกิดของเขาอยู่ ผมคิดว่าพื้นที่ตรงนี้มีหลากวัฒนธรรมมาผนวกรวมกันได้อย่างน่าสนใจ เพียงแต่ในอดีตภาพจำของเราคือคนท่าแร่นิยมบริโภคสัตว์เลี้ยง ซึ่งตอนนี้ไม่มีแล้วและคนในพื้นที่เองก็ต่อต้านด้วย

จากที่ได้ไปสัมผัสมาผมว่าท่าแร่เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากๆ มีสถาปัตยกรรมเมืองเก่าที่น่าสนใจ มีฟาร์มโคขุน มีหลากกิจกรรมให้ทำ บรรยากาศตอนที่ผมไปก็มีความโรแมนติก ดังนั้นมีโอกาสอยู่แล้วที่ที่นี่จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี

ท่าแร่นั้นเต็มไปด้วยนักแสดงชั้นนำมากมาย เช่น เจมส์–จิรายุ ตั้งศรีสุข, มีน–พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, เอก–ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และน้าแฉะ–องอาจ เจียมเจริญพรกุล ที่ตอนนี้แทบจะเป็นนักแสดงคู่บุญของคุณ ช่วยเล่าถึงเบื้องหลังการคัดเลือกนักแสดงนำแต่ละคนให้ฟังหน่อย

ตอนที่ผมได้อ่าน pitch deck ครั้งแรก ในหัวผม คนที่จะมารับบาทหลวงได้ต้องเป็นคนที่ดูสุขุม ดูมีความเข้มแข็ง ซึ่งทีมงานทุกคนมองไปในทิศทางเดียวกันว่าคนที่จะมารับบทนี้ต้องเป็นเจมส์ จิรายุ เท่านั้น โชคดีที่เราติดต่อไปแล้วเขายอมรับเล่นทันที เขาให้เหตุผลว่าตัวบทมีความน่าสนใจและเขาอยากลองเล่นหนังสยองขวัญ ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่แสดงออกมาได้ดี

ส่วนมีน พีรวิชญ์ ผมเคยร่วมงานกับเขามาก่อนในธี่หยด 2 มีนเป็นนักแสดงที่ชอบรับบทท้าทาย เขาป็นคนมีของ มีศักยภาพ เพียงแต่ยังไม่ถูกปล่อยออกมา ซึ่งมีนทำการบ้านหนักมาก เพราะบทหมอเหยาเป็นบทที่นักแสดงจะต้องกล้าได้กล้าเสีย ต้องไปถึงสกลนครเพื่อฝึกพูดภาษาภูไท ฝึกพิธีกรรมหมอเหยานานอยู่พอสมควร

พี่เอก ธเนศ เหตุผลไม่มีอะไรซับซ้อนคือแกชอบรับบทอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว บวกกับความเป็นคนคุ้นเคยเพราะแกบ้านใกล้ผม ทุกอย่างมันก็เลยออกมาดี

สำหรับพี่แฉะเหมือนเป็นกรณีพิเศษ คือถ้าในบทมีคาแร็กเตอร์หน้าตาประมาณนี้ที่ว่างอยู่ สามารถตัดสินใจเลือกพี่แฉะเล่นบทนี้ได้เลย กอปรกับการทำงานร่วมกันบ่อยจนไว้ใจแกได้ แกสามารถเล่นได้ทั้งบทซีเรียส บทตลก แกเป็นตั้งใจทำงานแอ็คทีฟอยู่ตลอดเวลา

ผมว่าการที่ได้ทำงานกับนักแสดงที่คุ้นเคยและนักแสดงที่ตั้งใจมารับบท ข้อดีคือทั้งเราและนักแสดงสามารถร่วมกันพัฒนาตัวละครในหนังให้มีมิติ เป็นสิ่งที่ผมคาดหวังเพราะนั่นจะทำให้การทำงานสนุกขึ้น

ทุกวันนี้อาชีพคนทำหนังต้องวางแผนไปถึงการออกฉายสตรีมมิงพอๆ กับการออกฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยหรือเปล่า

ในฐานะคนทำหนังและผู้บริหารเราเห็นว่าการทำหนังเรื่องหนึ่งต้องมองหลายมิติ คือฉายโรง สตรีมมิง ฉายต่างประเทศ คือเราต้องสร้าง ‘สภาวะคุ้มทุน’ ให้ได้ไวที่สุด ต้องบอกก่อนเลยว่าถ้าฉายแต่ในโรงภาพยนตร์ก็ต้องต่อสู้เยอะ Box Office ที่เป็นหนังไทยมันไม่ได้รอดทุกเรื่อง โดยเฉลี่ยมีแค่ประมาณ 30-40% ที่มันประสบความสำเร็จกับรอดตาย

เพราะฉะนั้นการวางโครงสร้างทั้งหมดต้องเอาให้อยู่ เพราะถึงขายลงแพลตฟอร์มสตรีมมิงก็ใช่ว่าจะเท่าทุน ผมว่าคนที่ลงทุนทำธุรกิจหนังคือคนใจถึง คือคนลงทุนซื้อคอนโดคุณยังปล่อยเช่าเอากำไรได้ แต่กับอุตสาหกรรมนี้มันคือการวัดใจล้วนๆ ผมยังไม่เจอคนทำหนังที่ทำแล้วได้กำไรแล้วเลิก ส่วนใหญ่ได้กำไรก็ทำต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าทำแล้วเจ๊งนี่เลิกกันไปเยอะ ทุกวันนี้ก็ยังหวังให้คนทำหนังบ้านเราได้กำไรเพื่อที่เขาจะได้ทำงานตรงนี้ต่อไป และจะได้มีบุคลากรคนทำหนังรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมา

generation gap ระหว่างคนทำหนังรุ่นผมกับคนทำหนังรุ่นใหม่ต้องบอกว่ามันขาดช่วงไปเยอะ รุ่นผมที่ยังเหลือ เท่าที่เห็นคือมะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล), โต้ง (บรรจง ปิสัญธนะกูล) และแก๊งผู้กำกับหนังแฟนฉัน ส่วนหนึ่งเพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์บ้านเราเคยมีช่วงซบเซาจนต้องมีไปทำงานโฆษณา

เช่นนั้น เรายังสามารถเรียกอาชีพคนทำหนังว่าเป็นอาชีพที่ ‘มั่นคง’ ได้อยู่ไหม

ส่วนตัวถ้าจะเรียกอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์ว่าเป็นอาชีพที่มั่นคงคงเป็นไปได้ยาก คนที่ทำอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์แล้วอยู่มาได้นานเป็นสิบๆ ปีทุกวันนี้มีอยู่ไม่กี่คน เท่าที่เห็นคือพี่พจน์ (พชร์ อานนท์), พี่อุ๋ย (นนทรีย์ นิมิบุตร), พี่ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์) และพี่โขม (ก้องเกียรติ โขมศิริ)

เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะทำงานนี้ คุณจำเป็นต้องมีอาชีพเสริมหรือต้องมีกิจการเป็นของตัวเอง มีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูตัวเอง เลี้ยงดูครอบครัว แล้วเมื่อไหร่ที่คุณฮึกเหิมคุณค่อยมาทำหนัง อย่างตอนที่ผมเจ็บตัวผมก็ทิ้งช่วงหันไปทำงานละครแทน

ผมว่าสุดท้ายยังไงคนเราก็ต้องกินต้องใช้ เราจะฝันเอาหล่ออย่างเดียวไม่ได้ เราทำมันได้เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นงานหล่อเลี้ยงแพสชั่น

ทุกวันนี้มีแต่คนบอกว่าการมาของสตรีมมิงทำให้หนังฉายโรงซบเซาคุณมองแบบนั้นเหมือนกันไหม

ผมมองว่าสตรีมมิงเป็นโอกาสมากกว่า แต่ที่ยากกว่าคือคุณทำหนังยังไงให้ตอบโจทย์ทั้ง 2 ฟอร์แมต ข้อแรกหนังที่ฉายในโรงคนดูต้องดูแล้วได้อรรถรสกว่าการดูในสตรีมมิง ข้อสองคือถ้าหนังของคุณลงฉายในสตรีมมิงก็ต้องน่าดึงดูดพอที่จะขึ้นท็อป 1

ดังนั้น การทำหนังทุกวันนี้ต้องทำให้ตอบโจทย์คนดูทั้ง 2 กลุ่ม ทั้งกลุ่มคนดูในโรงและคนดูในสตรีมมิง ส่วนกำไรจากการส่งออกฉายในตลาดต่างประเทศทุกวันนี้มันไม่ได้สูงขนาดนั้นแล้ว

ถ้าต้องเลือกระหว่างการได้ทำหนังแมสในกระแสกับหนังอิสระที่ได้ใส่ไอเดียเต็มที่คุณจะเลือกอย่างไหน

เลือกยากอยู่นะ ผมโชคดีที่โตมากับการดูหนังหลากหลาย หนังในประเทศ หนังนอกประเทศ หนังในกระแส หนังนอกกระแส แม้แต่หนังแปลกๆ ก็หามาดู แต่ถ้าจะต้องเลือกจริงๆ ผมชอบหนังแมส เพราะสุดท้ายคนทำหนังยังไงก็อยากทำหนังสนุกๆ ให้คนจำนวนมากดู

ผมเข้าใจนะในมุมผู้กำกับคนอื่นที่เขาไม่อยากทำงานตรงไบเบิลความเป็นแมสขนาดนั้น แต่ความจริงหนังแมสก็ใส่ตัวตนของผู้กำกับลงไปได้ ถ้างั้นเราคงไม่มีสตีเวน สปีลเบิร์ก หรือเจมส์ คาเมรอน เพียงแต่จะหาวิธีบาลานซ์การทำงานยังไง ส่วนคนที่อยากทำหนังอิสระจริงๆ ผมเชื่อว่ามีเวทีที่พร้อมสนับสนุนนำงานของเขาไปออกฉาย

โจทย์ยากที่สุดของคนทำหนังสยองขวัญในอนาคตคืออะไร

โจทย์ที่ยากที่สุดในเชิงพาณิชย์คือเรื่องพฤติกรรมคนดู ย้อนกลับไปสมัยก่อนภาพยนตร์หนึ่งเรื่องมีเวลาฉายนานสุดถึง 3 ชั่วโมง แต่ในยุคสมัยนี้คนทำหนังต้องต่อสู้กับความรวดเร็ว ทีมงานหลังบ้านเคยบอกกับผมว่า พฤติกรรมการดูของคนสมัยนี้อดทนได้นานสุดที่ 70 นาที และระยะเวลาในอนาคตก็จะสั้นลงไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นการเล่าเรื่องในอนาคตอาจต้องการความไวมากขึ้น ต้องการความตื่นเต้นมากขึ้น

ขณะเดียวกันเราต้องคิดวิธีการสร้างผีในยุคที่คนดูภาพยนตร์เยอะขึ้น หาวิธีการหลอกที่แปลกใหม่ เพราะในอนาคตอีกสัก 10-20 ปีคนอาจจะไม่กลัวผีแล้วก็ได้ เหมือนที่มีบางคนไม่เชื่อเรื่องศาสนาบ้างแล้ว วิวัฒนาการที่ก้าวกระโดดแบบนี้เราต้องตามให้ทัน

ถ้าเปรียบเปรย ‘ธุรกิจ’ เป็นวิญญานหรือผีสักตัว ในมุมของคนทำหนังผีตัวนี้ดูน่ากลัวหรือมีวิธีหลอกยังไงบ้าง

ผมมองว่าธุรกิจเป็นเหมือนกับผีปอบ คือมันมาแล้วมันก็ไป ผีปอบในที่นี้คือทำหน้าที่ให้คนอุปทานหมู่ไปกับมันให้ได้มากที่สุด โน้มน้าวให้คนเข้ามาบริโภคในสิ่งที่มันนำเสนอ หลอกคนให้ได้เยอะที่สุด หลอกจนคนไม่รู้สึกกลัว แล้วค่อยย้ายร่างไปหาที่สิงสู่ซึ่งก็คือการสร้างวิธีที่ทำให้คนอุปทานหมู่ขึ้นมาอีกครั้ง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Capital

การส่งออกไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หลังทรัมป์ขึ้นอัตราภาษีตอบโต้ 19%

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘มาสคอต’ กำเนิดซอฟต์พาวเวอร์โปรโมตการท่องเที่ยวสุดคาวาอี้

20 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

เช็กลิสต์ 15 หนุ่มสาว หล่อ สวย รวย เก่ง ตระกูลดี

Manager Online

จุดเปลี่ยนชีวิตคนดังฮอลลีวู้ด ผู้ตกเป็นทาสยาเสพติด!

Manager Online
วิดีโอ

จากใจถึงใจ ส่งถ้อยคำรักถึงแม่ไปกับ 'ตอง BBRACE'

LINE TODAY

POP MART เปิดตัว Global Landmark Store แห่งแรกในไทย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ชั้น 7 ICONSIAM

TNN ช่อง16

เชฟรอน ร่วมกับ CEA ชวนสัมผัสเสน่ห์ภาคใต้ 14 จังหวัด ใน “เทศกาลงานออกแบบปักษ์ใต้ 2568”

สยามรัฐ

CC DOUBLE O เปิดตัวแคมเปญ “Confidence Made Casual” เผยนิยามใหม่แห่งสไตล์แฟชั่นที่ใส่ความมั่นใจในแบบของคุณได้ทุกวัน

สยามรัฐ

ยืนยัน ! แมนยู ปิดดีลคว้า เชสโก้ร่วมทัพด้วยค่าตัว 74 ล้านปอนด์

PostToday

เก่ง หฤษฎ์ และปราง ปรางทิพย์ ส่งซิงเกิล ‘ใจจงมั่น’ ประกอบซีรีส์เรื่อง เขมจิราต้องรอด

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

Jurassic World: The Experience กับการปลุกเทรนด์ Family Tourism ในไทย

Capital

UVU แบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกายมาแรงที่ออกแบบด้วยจิตวิญญาณของอดีตทหารอากาศ

Capital

หลัก 5P ของ Khong แบรนด์ที่ทำพระเครื่องและของสายมูให้เท่ จนเป็นขวัญใจเซเลบและสายแฟฯ

Capital
ดูเพิ่ม
Loading...