จีนเมินถั่วเหลืองสหรัฐ หันกวาดบราซิลแทน 30 ล้านตัน
ก่อนเข้าสู่ฤดูกาลส่งออกถั่วเหลืองใหม่ของสหรัฐเพียงไม่กี่วัน จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลกกลับยังไม่สั่งซื้อถั่วเหลืองจากอเมริกาเลยแม้แต่ลำเดียวสำหรับปีการค้าข้างหน้า แต่เริ่มหันไปพึ่งบราซิลแทน
สถานการณ์ชะงักนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการเจรจาระหว่างรัฐบาลจีนและสหรัฐ เพื่อหาทางยุติความตึงเครียดทางการค้าที่รุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเกษตรกรสหรัฐออกมาเตือนว่า หากจีนยังไม่ซื้อ จะทำให้เสี่ยงต่อการเข้าสู่ “วิกฤตทางการเงิน” ขณะที่ข้อมูลจากรัฐบาลอเมริกาชี้ชัดว่า ผู้ซื้อจากจีนยังไม่ขยับตัวใด ๆ
จีนที่เพิ่งประกาศเก็บภาษีตอบโต้ (Retaliatory Tariffs) ต่อถั่วเหลืองจากสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้สินค้าสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ทั้งนี้ ฤดูกาลเก็บเกี่ยวของสหรัฐจะเริ่มในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านจากฤดูกาลส่งออกเดิมสู่ฤดูกาลใหม่
ตามปกติ โรงงาน Crushing ของจีนที่นำถั่วเหลืองไปผลิตเป็นอาหารสัตว์ จะรีบจองสินค้าล่วงหน้าเพื่อกักตุนในราคาถูกและป้องกันความเสี่ยงด้านซัพพลายในช่วงต้นฤดู แต่ปีนี้กลับยังไม่มีการจองเข้ามาเลย สะท้อนแรงกดดันจาก “เกมการเมือง” ที่ยังคงกดทับตลาดการค้าระหว่างสองประเทศ
ความล่าช้าในครั้งนี้ดูเหมือนจะมาจากการเจรจาการค้าที่ถูกขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยจีนยังไม่แสดงท่าทีว่าจะยอมเสีย “ไพ่ต่อรอง” ชิ้นสำคัญอย่างถั่วเหลืองให้กับสหรัฐ
แม้ว่าการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโต๊ะเจรจา แต่ถั่วเหลืองกลับมีบทบาทพิเศษในช่วงการบริหารประเทศครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากถูกหยิบมาใช้เป็นเครื่องมือช่วยลดสิ่งที่สหรัฐมองว่าเป็น “การขาดดุลการค้าอย่างไม่เป็นธรรม” กับจีน
บราซิลอาจพยุงซัพพลาย แต่จีนเสี่ยงเจอราคาพุ่ง
ตลาดถั่วเหลืองมักขึ้นอยู่กับฤดูกาลอย่างชัดเจน ในช่วงกันยายนถึงกุมภาพันธ์ สหรัฐจะเป็นผู้ส่งออกหลัก ก่อนที่ผลผลิตจากซีกโลกใต้ โดยเฉพาะบราซิล ผู้ส่งออกอันดับหนึ่งของจีน จะออกสู่ตลาดตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ช่วงเปลี่ยนผ่านอาจเกิด “ช่องว่างซัพพลาย” ได้
ความหวังของตลาดคือ สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าที่ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย เพื่อให้การซื้อขายกลับสู่ภาวะปกติ แต่หากเจรจาไม่คืบหน้า นักวิเคราะห์มองว่า บราซิลน่าจะมีสต๊อกถั่วเหลืองเหลือเพียงพอ และจีนเองก็ยังสามารถดึงสำรองภายในประเทศมาใช้ได้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โรงงาน Crushing ของจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองบราซิลปริมาณมาก และมีสินค้าลอตใหม่กำลังเดินทางเข้ามา โดยคาดว่า ในสามเดือนข้างหน้า จะมีถั่วเหลืองกว่า 30 ล้านตันเข้าสู่จีน ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย Mysteel ทั้งนี้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จีนมีการนำเข้าถั่วเหลืองเฉลี่ยปีละ 90-105 ล้านตัน
สำหรับบราซิล ข้อมูลล่าสุดจาก Safras & Mercado ระบุว่า ณ วันที่ 5 ส.ค. ยังมีถั่วเหลืองฤดูกาลที่แล้วเหลือขายอยู่ราว 37 ล้านตัน หรือประมาณ 22% ของผลผลิต
ทางเลือกอื่นของจีน
ผู้จัดการโรงงานรายหนึ่งในจีน ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนาม กล่าวว่า หากไม่ซื้อจากสหรัฐ จีนก็ยังมีทางเลือกนำเข้าจากบราซิลหรืออาร์เจนตินา โดยโรงงานได้จองสินค้าจากอเมริกาใต้ล่วงหน้าจนถึงเดือนพฤศจิกายนแล้ว
อย่างไรก็ดี การหลีกเลี่ยงสหรัฐไม่ใช่เรื่องไร้ความเสี่ยง แม้ “บราซิลสามารถตอบสนองความต้องการได้เกือบทั้งหมด แต่การพึ่งพาซีกโลกใต้อย่างเดียวก็มีความเสี่ยงจากฤดูกาลผลิตเช่นกัน” คัง เหว่ย เชียง นายหน้าซื้อขายสินค้าเกษตร บริษัท StoneX Group สิงคโปร์ ย้ำว่า แม้จะมีปัจจัยการเมือง แต่เมื่อถึงจุดที่ซัพพลายบราซิลเริ่มตึง จีนก็มักจะกลับมาซื้อจากสหรัฐ
ถึงแม้บราซิลจะช่วยปิดช่องว่างด้านซัพพลาย แต่จีนจะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาถั่วเหลืองบราซิลพุ่งแล้วเกือบ 20% ตั้งแต่ต้นปี และปัจจุบันซื้อขายกันที่ราคาพรีเมี่ยมสูงกว่าถั่วเหลืองสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ
จีนหาทางลดพึ่งพาถั่วเหลืองสหรัฐ
ทดลองนำเข้ากากถั่วเหลือง-คุมการเลี้ยงหมูเพื่อลดดีมานด์
นอกจากการหันไปพึ่งพาซัพพลายจากบราซิลและอาร์เจนตินาแล้ว จีนยังใช้ “กลยุทธ์เสริม” เพื่อจัดการความเสี่ยงด้านถั่วเหลือง ได้แก่
– ทดลองนำเข้ากากถั่วเหลือง (Soybean Meal) จากอาร์เจนตินา
– เดินหน้าปรับสูตรอาหารสัตว์ให้ใช้กากถั่วเหลืองน้อยลง
– ควบคุมการขยายตัวของฝูงสุกร เพื่อลดความต้องการใช้อาหารสัตว์ในระยะยาว
มาตรการเหล่านี้สะท้อนความพยายามของปักกิ่งที่จะ กระจายความเสี่ยง (Diversify Supplies) และลดการพึ่งพาการนำเข้าถั่วเหลืองโดยตรง
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : จีนเมินถั่วเหลืองสหรัฐ หันกวาดบราซิลแทน 30 ล้านตัน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net