สื่อนอกรายงาน “ทักษิณ” พ้นข้อหาหมิ่นสำเร็จแต่ตระกูลชินวัตรยังคงแขวนบนเส้นด้าย
เอเจนซีส์ – ศาลอาญาวานนี้(21 ส.ค)พิพากษาประวัติศาสตร์สั่งยกฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตรคดีหมิ่นสถาบันหลังให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบของเกาหลีใต้ แต่ทว่าชะตากรรมของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตรยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้ายและมีกำหนดจะฟังคำพิพากษาสัปดาห์หน้าว่าจะถูกถอดถอนหรือไม่
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันนี้(22 ส.ค)ว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังอดีตผู้นำไทยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ โชซุน อิลโบ (Chosun Ilbo) เมื่อปี 2015 และถูกชี้ไปว่าพาดพิง หรือหมิ่นสถาบัน
อย่างไรก็ตามอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ปฎิเสธความผิดใดๆและยืนยันซ้ำถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
“คดีถูกสั่งยกฟ้อง” ทักษิณให้สัมภาษณ์กับนักข่าวและยิ้มหลังเดินทางออกมาจากศาล
สื่ออังกฤษชี้ว่า ทักษิณสวมเนคไทสีเหลืองที่เป็นสีเกี่ยวพันกับสถาบัน ซึ่งศาลอาญายืนยันว่าได้สั่งยกฟ้องเนื่องมาจากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์การกระทำผิดได้
ทั้งนี้ไทยถือเป็นหนึ่งในชาติที่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่รุนแรงมากที่สุดในโลกที่ซึ่งนักวิจารณ์สถาบันอาจถูกลงโทษจำคุกในเรือนจำระหว่าง 3 ปี – 15 ปีในเรือนจำ
เดอะการ์เดียนรายงานว่า และตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมาพบว่ามีไม่ต่ำกว่า 281 คนถูกดำเนินคดีความผิดภายใต้กฎหมายนี้ที่สามารถตีความอย่างกว้างๆได้เป็นต้นว่า ผู้ประท้วงถูกดำเนินคดีจากสุนทรพจน์ทางการเมือง หรือการสวมเสื้อผ้าเพื่อแสดงตัวตนว่าเลียนแบบสมาชิกราชวงศ์ ขายการ์ตูนล้อเลียน
ฝ่ายไม่เห็นด้วยกับกฎหมายหมิ่นต่างชี้ว่า กฎหมายนี้ถูกใช้เพื่อเล่นงานคู่แข่งทางการเมืองฝ่ายตรงข้าม และปิดปากพวกไม่เห็นด้วย
แต่ถึงแม้ทักษิณจะรอดมาได้สำหรับคดีวันศุกร์(22) แต่นี่เป็นแค่คดีเดียวจากทั้งหมดที่มีมากมายและตระกูลชินวัตร
และสัปดาห์หน้า จะเป็นคิวของแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินว่าบุตรสาวคนเล็กของทักษิณที่ก่อนหน้าสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราวนั้นสมควรต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากวิกฤตคลิปเสียงสนทนารั่วระหว่างผู้นำไทยและอดีตผู้นำกัมพูชา ฮุน เซน ที่มีการหารือถึงปัญหาพิพาทพรมแดน นักวิเคราะห์ต่างกล่าวหาเธอว่า ทำอาการเหมือนเอาอกเอาใจอดีตผู้นำกัมพูชาและเรียกฮุน เซนว่า “ลุง” อย่างสนิทสนม
เดอะการ์เดียนรายงานว่า ศาลของไทยมักจะเข้ามาแทรกแซงในทางการเมือง ยุบพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมและแบนนักการเมืองจากการปฎิบัติหน้าที่
ณพล จาตุศรีพิทักษ์ ลูกชายคนกลางของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นักวิชาการแลกเปลี่ยนประจำสถาบัน ISEAS Yusof Ishak Institute ของสิงคโปร์แสดงความเห็นว่า “คดีต่างๆของศาลล่าสุดนี้สะท้อนความทรงจำด้านมืดของความไม่สมดุลในความสัมพันธ์อำนาจระหว่างกองกำลังฝ่ายเลือกตั้งเข้ามาและกองกำลังฝ่ายไม่ได้ถูกเลือกตั้งในไทย”
และเสริมว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มคณะผู้พิพากษาที่ไม่ได้ถูกเลือกตั้งต้องต้องตัดสินคำพิพากษาระดับชาติและวีโตต่อฉันทามติต่างๆที่ออกมาโดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งของไทย”
อย่างไรก็ตามเขาเสริมว่า ในขณะที่ในอดีตคำพิพากษาการลงโทษต่อตระกูลชินวัตรสร้างความเห็นใจได้จากฐานเสียงที่จงรักภักดีของคนเหล่านั้น แต่ทว่าความนิยมของตระกูลได้ลดลงไปอย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ข้อตกลงที่ทำขึ้นเมื่ออดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร กลับเข้าสู่ประเทศที่มีโอกาสได้เห็นการจับมือกับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นทหารเพื่อที่จะเขี่ยให้พรรคปฎิรูปหัวก้าวหน้า ก้าวไกล ต้องออกไปได้ทำลายความน่าเชื่อถือของเขา”
และอีกทั้งพรรคของทักษิณถูกมองว่าล้มเหลวที่จะทำตามสัญญาตามนโยบายเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดคือความโกรธแค้นต่อผู้นำหญิง บุตรสาวคนเล็กของทักษิณในการจัดการวิกฤตความขัดแย้งพรมแดนกับกัมพูชาและนำมาสู่การลดลงมากขึ้นต่อกลุ่มผู้สนับสนุน
เดอะการ์เดียนชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่นายกฯแพททองธาร ชินวัตร อาจโดนสั่งถอดถอนออกจากตำแหน่งในสัปดาห์หน้าที่จะส่งผลต่อความไร้เสถียรภพาทางการเมืองรอบใหม่ในไทย
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO