แทนคุณ พาเมีย เอ๋ ไพโรจน์ ขอคำปรึกษากม.กับ สคช. เหตุถูกบีบให้ย้ายออกจากบ้าน
แทนคุณ พาเมีย เอ๋ ไพโรจน์ ขอคำปรึกษากม.กับ สคช. เหตุถูกบีบให้ย้ายออกจากบ้าน
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำน.ส.พลอยรัชษ์ ชินรัตน์วาณิช อายุ 50 ปี ภรรยาของ นายไพโรจน์ สังวริบุตร ดาราอาวุโสผู้ล่วงลับ เข้าพบ ร.ต.อ.หญิงทิพย์พิรุณ สุวรรณกูล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอคำปรึกษาทางกฎหมาย กรณี น.ส.พลอยรัชษ์ ถูกให้ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่กับ เอ๋-ไพโรจน์ มานานกว่า 20 ปี และเรียกร้องขอดูใบมรณบัตรและสาเหตุการเสียชีวิต
นายแทนคุณกล่าวว่า น.ส.พลอยรัชษ์ได้คบหากับนายไพโรจน์ ตั้งแต่ปี 2547 และแต่งงงานกันปี 2552 จัดงานที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย แต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรส หลังการเสียชีวิตของ นายไพโรจน์ ทาง น.ส.พลอยรัชษ์ เกิดปัญหากับลูกสาวของนายไพโรจน์ที่เกิดจากภรรยาคนแรก ที่ได้ร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกและและเปลี่ยนกุญแจบ้านทำให้น.ส.พลอยรัชษ์ ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในบ้านได้ ในบ้านมีทรัพย์สินที่อยากเข้าไปตรวจสอบทั้ง ฮาร์ดดิสก์ 2 เครื่อง แหวนมรดกของ น.ส.พลอยรัชษ์ และพระเครื่อง ตนได้ประสานกับทาง นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการ สคช.เพื่อขอคำปรึกษาทางกฎหมาย ในการคัดค้านการเป็นผู้จัดการมรดกต่อทางศาลด้วย ส่วนการเสียชีวิตของนายไพโรจน์ อยากให้มีการพูดคุยกับทางลูกสาว เพื่อไม่ให้มีการกระทบกระทั่งและอยากทราบสาเหตุที่แท้จริงว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร
น.ส.พลอยรัชษ์ กล่าวว่า หลังจากนายไพโรจน์เสียชีวิต ตนไม่มีโอกาสจะไปรับศพ ไม่เคยเห็นใบมรณบัตร ไม่เคยเห็นเอกสารชันสูตรศพใด ๆ ในงานศพเหมือนกับตนไม่มีสิทธิที่จะไปยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากสามีของตนเสียชีวิตไม่นานได้รับข้อความจากลูกว่า บ้านที่เราอยู่ถูกโอนไปให้คนอื่นแล้ว และลูก ๆ ทุกคนก็ไม่มีสิทธิได้ จากนั้นก็มีข้อความต่อมาว่า มีแผนจะออกจากบ้านเมื่อไหร่ ตนรู้สึกอัดอั้นตันใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงตัดปัญหาด้วยการไม่ติดต่อใครอีก
น.ส.พลอยรัชษ์ กล่าวว่า บ้านหลังนี้มีเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา ในพื้นที่สำโรงเหนือ จังหวัดสมุทรปราการ ที่ตนกับนายไพโรจน์ได้รีโนเวทบ้าน ทำเป็นสตูดิโอ อยู่อาศัยกันสองคนตั้งแต่ปี 2547 โดยบ้านเป็นชื่อของนายไพโรจน์ ส่วนตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตั้งแต่ปี 2551 แม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่อยู่กินกันเป็นสามีภรรยาอย่างเปิดเผย กระทั่งวันที่ 1 ก.ค. ตนกลับไปที่บ้าน เห็นว่ามีคนนำกุญแจใหม่มาคล้องที่บ้าน จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สำโรงเหนือ เพื่อขอให้ตำรวจไปเป็นพยานในการสะเดาะกุญแจบ้านเพื่อเข้าไปในบ้าน เมื่อเข้าไปตรวจสอบเห็นลูกบิดและอุปกรณ์ที่วางอยู่ในบ้านห้อง CCTV มีการถูกเปลี่ยน ลูกบิด ห้องพระที่ล็อกไว้ก็มีคนบุกเข้าไป พระเครื่องหรือพระบูชาต่างๆ เป็นทรัพย์สินของตน มีพระเพียงแค่องค์เดียวที่เป็นของนายไพโรจน์ มีหลายอย่างที่ตนเก็บแพคลงไว้ในลังแต่ยังไม่ได้ตรวจสอบว่า มีอะไรสูญหายไปบ้าง การที่มีบุคคลอื่นเข้ามาในบ้าน มีการติดกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ทำให้ตนรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
น.ส.พลอยรัชษ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 5 ก.ค. ตนกลับเข้าไปที่บ้านไม่ถึง 20 นาที มีตำรวจสายตรวจเข้ามาพร้อมบอกว่า ตนเป็นผู้บุกรุกและขอเชิญออกไปจากบ้าน ตนได้ชี้แจ้งว่าอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาเป็น 20 ปี จะบุกรุกได้อย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจจึงต้องมาขอคำปรึกษาทางกฎหมายกับทางอัยการในวันนี้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แทนคุณ พาเมีย เอ๋ ไพโรจน์ ขอคำปรึกษากม.กับ สคช. เหตุถูกบีบให้ย้ายออกจากบ้าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th