ตร.ประชุม 3 หน่วย ถกคดีวัดพระบาทน้ำพุ จ่อสอบเส้นเงินย้อนหลัง 20-30 ปี
13 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” เตรียมตรวจสอบเส้นเงินรับบริจาคเข้าวัดพระบาทน้ำพุ ย้อนหลัง 20-30 ปี หลังพบเงินบริจาค กระจายไปยังหลายบัญชี ทั้งมูลนิธิฯ และบุคคลหลายกลุ่ม จ่อนิมนต์เจ้าอาวาสเข้าให้ข้อมูล
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมใหญ่นัดแรกติดตามความคืบหน้าคดี “หมอบี-วัดพระบาทน้ำพุ โดยมีกองบังคับการปราบปราม, กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยสั้นๆ ก่อนการประชุมดังกล่าว ว่า วันนี้จะเป็นการประชุมกำหนดแนวทางในหลายประเด็น ส่วนหลังจากนี้จะถึงขั้นการออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับใครหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า ยัง ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟท์ไป
ภายหลังการประชุมนานกว่าชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดผยว่า ขณะนี้มีความชัดเจนในหลายเรื่อง แต่มีบางมิติยังไม่ชัดเจนต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมมากขึ้นและสามารถพิสูจน์ได้ ส่วนจะต้องเชิญหลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาส มาให้การหรือไม่นั้น จะเชิญทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงต้องนิมนต์หลวงพ่อมาเพื่อให้ความชัดเจนด้วย ส่วนจะไปตรวจสอบข้อมูลที่วัดหรือไม่นั้น ขอดูการพูดคุยของคณะกรรมการก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบใคร ถ้าไม่จำเป็น
ส่วนที่หมอบี และเลขา เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนให้การที่เป็นประโยชน์ แต่ขอยังไม่เปิดเผยสำนวนคดี ส่วนกรณีคำให้การของหมอบีจะถูกหยิบยกมาพิจารณาในเรื่องการทุจริตหรือผิดปกติของวัดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า หมอบีและวัดมีความเกี่ยวข้องกันหมด
ส่วนจะมีการทุจริต หรือฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบแต่พบว่ามีความหมิ่นเหม่ ไม่อยากให้พุ่งเป้าไปที่การดำเนินคดีอยู่ระหว่างหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ใช้เวลาไม่นานจะมีความชัดเจนแน่นอน แต่ขณะนี้มองว่า วัดมีความผิดปกติและหมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย
ทั้งนี้ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว วัดพระบาทน้ำพุมีการช่วยดูแลประชาชนรักษาโรคเอดส์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการบริจาค มีเงินจำนวนมหาศาลไหลเข้าวัด และมีการตั้งกองทุนดูแลเงินบริจาคต่อเนื่อง และมีการไหลออกของเงิน ซึ่งมองว่าเป็นความผิดปกติ เนื่องจากจำนวนเงินบริจาคจำนวนมหาศาล ไม่สอดคล้องกับจำนวนที่เข้ารักษาที่วัดลดลง และมียาที่รักษาโรคเอดส์แพร่หลายมากขึ้น รวมถึงการนำเงินจำนวนมหาศาลไปฝากบุคคลอื่น หลายกลุ่มทั้งภายในและภายนอกวัด จึงต้องตรวจสอบว่าเกิดไรขึ้น ย้ำเหตุที่ยังไม่สามารถแจ้งข้อหา หรือออกหมายจับผู้ใดได้นั้น ย้ำว่าเรื่องเกิดขึ้นมา ตั้งแต่ 20-30 ปี ต้องตรวจสอบความเชื่อมโยงแต่ละเหตุการณ์ ต้องการให้มีหลักฐานที่ชัดเจน รัดกุม ทั้งพยานหลักฐาน และสามารถตอบสังคมได้
ส่วนการตรวจสอบครั้งนี้จะเจอตอหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่มี ทั้งนี้ วัดยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ รวมถึงการเปิดรับบริจาคจากประชาชน ส่วนที่มีอดีตนางพยาบาลออกมาเปิดเผยว่า พบความผิดปกติของวัดนานหลายปีแล้ว เรื่องนี้ทราบแล้วอยู่ระหว่างตรวจสอบ.-416-สำนักข่าวไทย