โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

รัฐบาลจัดเต็ม เยียวยาภาษีสหรัฐฯ งัด 4 มาตรการใหญ่ กว่า 2.2 แสนล้าน

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

การจัดเก็บอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับหลายประเทศภายใต้บัญชีภาคผนวกที่ 1 ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทย และหลายประเทศในอาเซียน ถูกคิดภาษีในอัตรา 19% มีผลเป็นทางการแล้วตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 6 สิงหาคม 2568 (ตามเวลาสหรัฐฯ) ซึ่งแน่นอนว่า แม้อัตราภาษีใหม่ครั้งนี้จะถูกปรับลดลงจากเดิม แต่ก็มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนไม่น้อย ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยามารองรับอย่างเร่งด่วน

ล่าสุด นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการช่วยเหลือ โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสรุปรายละเอียดมาโดยเร็ว ซึ่งมาตรการที่ออกมาช่วยผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มของธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐนั้นจะไม่เหมือนกัน

“ยกตัวอย่าง กลุ่มธุรกิจค้าขายเพชรพลอย ก็ได้รับผลกระทบไม่เหมือนกัน ซึ่งโดนภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 19% ทางผู้ซื้ออาจจะไม่ขอรับต้นทุนจากสัดส่วนภาษีที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด และอาจจะขอแบ่งรับต้นทุนภาษีนำเข้าของสหรัฐคนละครึ่ง อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หลายธุรกิจมีการแข่งขันกับประเทศอื่น และผู้ซื้อหรือประชากรสหรัฐจะต้องเป็นคนรับต้นทุน และขึ้นอยู่กับว่าจะมีการตกลงกันอย่างไร ฉะนั้น รัฐบาลจึงจะเข้าไปดูรายละเอียดผลกระทบแต่ละรายก่อน”

ขณะที่การใช้กลไลของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติกรอบวงเงินภายใต้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 10,000 ล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ผ่านกลไกของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้หรือไม่

โดยจะมีการขยายขอบเขตของงานให้ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ ดังกล่าว ส่วนในอนาคตของประเทศไทยจะต้องปรับเปลี่ยนปฏิรูปการผลิต และธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และให้มีความทันสมัยขึ้น

จ่อคลอด 3 แพ็คเกจใหญ่ช่วยเอกชน

นายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะทีมไทยแลนด์ เปิดเผยถึงแนวทางการจัดทำมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ สินค้าไทยในอัตรา 19% ของสหรัฐอเมริกา ว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตัวแทนองค์กรภาคเอกชน เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาหลายมาตรการ คาดว่าเร็ว ๆ นี้จะได้ข้อสรุป

สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการเบื้องต้น มีด้วยกัน 3 มาตรการหลัก ประกอบด้วย

1.มาตรการทางด้านภาษี เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านภาษี 19% เช่น การลดหย่อนภาษี การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือการให้เครดิตภาษี เป็นต้น

2.มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) วงเงินไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อปล่อยสินเชื่อต่อให้กับธนาคารพาณิชย์ ไปช่วยเหลือผู้ประกอบการ

3.เงินอุดหนุนของรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะใช้เงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ กรอบวงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ดำเนินการผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย

ช่วยเหลือเอกชนรายกลุ่มต่างกัน

นายพงศ์ศรัณย์ กล่าวอีกว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เตรียมออกมาครั้งนี้ รัฐบาลได้หารือกับทางผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง โดยดูเป็นรายกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มก็มีความต้องการแตกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น กลุ่มอัญมณี ในช่วงแรกผู้นำเข้าอาจจะรับภาระจากภาษีสัก 40% อีก 40% ขอให้รัฐช่วยแบ่งจ่าย ส่วนอีก 20% อาจส่งต่อให้ผู้บริโภค โดยอาจจะขอเวลาปรับตัว 1-2 ปีให้สามารถปรับตัวได้ โดยอาจขอเป็นมาตรการทางภาษี เช่น การขอลดหย่อนภาษี แทนการขอ Soft Loan และในช่วงระหว่างนี้รัฐก็หากลไกอื่น ๆ ในการเก็บคืนควบคู่กัน

อีกแนวทางหนึ่งคือ การใช้กลไกของ กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ที่ผ่านมาได้รับการอนุมัติวงเงินลงไป 10,000 ล้านบาท ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับเปลี่ยนภาคการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านภาษีครั้งนี้ ส่วนการใช้กลไกของ Soft Loan อาจจะอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องสต๊อกสินค้าเอาไว้ และจำเป็นต้องมีสภาพคล่องในช่วงนั้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้

ส่วนแนวทางในการเจรจา ข้อตกลงร่วมการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ (Joint Agreement) ซึ่งขณะนี้ทีมไทยแลนด์จะต้องไปเจรจารายละเอียดในรายสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการที่จะต้องเปิดตลาดกับสหรัฐ สินค้าเกษตรบางรายการ จะมีกลไกในการดูแลเกษตรกรในประเทศก่อน เช่น ข้าวโพด จะรับซื้อผลผลิตในประเทศทั้งหมดก่อนที่จะพิจารณานำเข้า พร้อมประกาศราคารับซื้อผลผลิตในราคานำตลาด เพื่อการันตีว่าผลผลิตที่มีในประเทศจะต้องได้รับการรับซื้อทั้งหมด

เยียวยาเกษตรกรผ่าน กองทุน FTA

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐบาลยังมีแนวคิดอีกหนึ่งมาตรการผ่านการจัดสรรงบประมาณอีกส่วนหนึ่ง เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐ ผ่านกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ หรือ กองทุน FTA ซึ่งมีภารกิจในการสนับสนุนเงินทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ในการปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร ปฏิรูปผลิตผลทางการเกษตร หรือการปรับเปลี่ยนอาชีพจากการผลิตสินค้าที่ไม่มีศักยภาพไปสู่สินค้าที่มีศักยภาพ

สาเหตุที่ต้องจัดสรรงบประมาณอีกก้อนผ่านกองทุน FTA เพราะจะมีการปรับลดภาษีภาคเกษตรให้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐ แต่จะไม่เปิดเสรีโดยทันที โดยแนวทางที่รัฐบาลวางไว้คือจะทยอยเปิดเสรีด้วยการกำหนดโควตาการนำเข้า เหมือนกับข้อตกลง FTA ที่ไทยทำกับประเทศต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ส่วนจะจัดสรรงบประมาณให้กองทุน FTA จำนวนเท่าใด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการหารือกับภาคเอกชนและเกษตรกรที่จะได้รับผลกระทบอีกครั้ง

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน กองทุน FTA ได้เข้าไปช่วยเหลือภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากการเปิด FTA กับประเทศต่างจำนวน 35 โครงการ วงเงิน 1,208.23 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่ดำเนินการสิ้นสุดแล้ว 14 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินงาน 21 โครงการ อย่างไรก็ตามในการดำเนินการอาจต้องมีการแก้ไขระเบียบบางด้านเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการเก็บภาษีของสหรัฐฯ เพื่อสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ต่อไป

หมูหวั่นกระทบหลายแสนล้าน

นายสิทธิพันธ์ เกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จนถึงขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรยังไม่ได้รับแจ้งจากภาครัฐว่า ได้นำเอาสินค้าสุกรไปใช้ในการแลกเปลี่ยนภาษีในดีลกับสหรัฐหรือไม่ ซึ่งในจุดยืนของเกษตรกรนั้น ไม่ต้องการให้มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐ

ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ว่าที่เราไปตกลงกับสหรัฐในเรื่องเนื้อหมูไว้อย่างไร เพราะหากมีการเปิดตลาดภาษี 0% จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งผู้เลี้ยงสุกรที่เวลานี้เหลืออยู่ประมาณ 1.5 แสนราย (จากอดีตมีมากกว่า 2 แสนราย/ครอบครัว) และยังมีผู้ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และอื่น ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอาหารสัตว์

รวมถึงโรงงานอาหารสัตว์ที่เกี่ยวเนื่องอีกจำนวนมาก ซึ่งโดยรวมแล้วจะกระทบห่วงโซ่อุตสาหกรรมหลายแสนล้านบาท นอกจากนี้จะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพราะเนื้อหมูจากสหรัฐฯ ใช้สารเร่งเนื้อแดง

ข้าวไทยลุ้นรุ่งหรือร่วง

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ในสินค้าข้าวได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสหรัฐ แต่นับจากนี้ข้าวไทยต้องเสียภาษีที่ 19% ขณะที่ข้าวเวียดนามคู่แข่งสำคัญเสียภาษีนำเข้า 20% ต่างกัน 1% ซึ่งมีส่วนต่างกันไม่มาก คาดจะทำให้ได้เปรียบ-เสียเปรียบกันไม่มาก

ที่ผ่านมาไทยส่งออกข้าวไปสหรัฐเฉลี่ยประมาณ 8 แสนตันต่อปี ซึ่งจากอัตราภาษีนำเข้าข้าวไทยที่ 19% มองว่าผู้ที่นิยมบริโภคข้าวไทยก็ยังคงบริโภคอยู่ แต่ยอมว่ามีความกังวลจากราคาข้าวที่จะสูงขึ้นตามอัตราภาษี ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ดี เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้า ต้องรอดูทิศทางสถานการณ์ต่อไป

สินค้าประมง 4.6 หมื่นระส่ำ

ขณะที่ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานการประชุมหารือและการรับฟังความคิดเห็นต่อสถานการณ์ด้านภาษีกับสหรัฐอเมริกา ด้านการค้าสินค้าประมง (8 ส.ค.68) การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพิจารณา และวิเคราะห์ผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ปรับลดภาษีตอบโต้กับไทยจาก 36% เหลือ 19%

ทั้งนี้อาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าประมงของไทยไปสหรัฐ ที่ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาทต่อปี โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 9 ของประเทศผู้ส่งออกสินค้าประมงไปยังสหรัฐ

โดยที่ประชุมได้กำหนด 9 มาตรการรองรับ เช่น การเปิดตลาดใหม่ (โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง), ปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อลดต้นทุน, ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศ และสร้างข้อตกลงกับผู้ประกอบการ เป็นต้น พร้อมเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการติดตาม และจัดหาแหล่งงบประมาณสนับสนุน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ฐานเศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้8ส.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 32.28 บาทต่อดอลลาร์

36 นาทีที่แล้ว

ชาวเน็ตไทยไม่แพ้ชาติใดโลก ครองแชมป์ TikTok เอเชีย โอกาส-โจทย์ท้าทายนักการตลาด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทรัมป์เดินเกมหนัก โจมตีพลังงานลม-แสงอาทิตย์ กระทบโครงการทั่วสหรัฐฯ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ภาษีนำเข้าชิป 100% ของทรัมป์ จุดกระแสบิ๊กเทคเร่งลงทุนในสหรัฐ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสังคมอื่นๆ

มั่วสุมสุดๆ! กรมปกครอง เปิดปฏิบัติการ “ZERO DRUG” บุกจับผับดังย่านรังสิต ยาเกลื่อน ฉี่ม่วงเพียบ

THE ROOM 44 CHANNEL

ตำรวจพัทยาปิดล้อมจับหนุ่มเกาหลีหลังถือปืนเข้าร้านสะดวกซื้อทำเอาประชาชนวิ่งแตกกระเจิง

77kaoded

เซเว่นเวียงมอก บุกรวบ “ ป้อม จัตุรัส ” หนีหมายจับคดียาเสพติด 2หมาย

77kaoded

ไม่ต้องนอนคุก! ศาลให้ปล่อยตัวชั่วคราว "ไฮโซลูกนัท" หลักประกัน 100,000 บาท

THE ROOM 44 CHANNEL

ทนายพาพ่อด.ช.วัย 14 ปี เข้าแจ้งความร้านสัก หลังสักโดยไม่ขอความยินยอมจากผู้ปกครอง พ่อหวั่นกระทบอนาคตลูก

สยามนิวส์

พกร่มด้วย! กรมอุตุฯ เตือน ฝนถล่ม 36 จังหวัดทั่วไทย

THE ROOM 44 CHANNEL

สระแก้ว ทหารรวบ 7 คนไทย หวังลักลอบไปทำงานออนไลน์ที่ฝั่งกัมพูชา

77kaoded

นัดเคลียร์เงินไม่ลงตัวคว้าปืนยิงใส่บาดเจ็บ

77kaoded

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...