กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ บุก ป.ป.ช. ทวงความคืบหน้าคดีโยกงบฯ 3.5 ล้าน “จตุพร” ขีดเส้นตาย ถ้าไม่เร่งสอบ เตรียมเปิดโปง
กลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ บุก ป.ป.ช. ทวงความคืบหน้าคดีโยกงบฯ 3.5 ล้าน “จตุพร” ขีดเส้นตาย ถ้าไม่เร่งสอบ เตรียมเปิดโปง ป.ป.ช. ซ้ำอาจผิด ม.157
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 2 ก.ย.68 กลุ่มคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย พร้อมมวลชนจำนวนหนึ่งได้เคลื่อนขบวนจากสะพานชมัยมรุเชฐ มายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าในการไต่สวนกรณีโยกงบประมาณแผ่นดินกว่า 35,000 ล้านบาท ที่ถูกกล่าวหาว่าผิดวัตถุประสงค์และเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ
กลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนโบกธงชาติ และชูป้ายเรียกร้องพร้อมตะโกนโห่ร้องเป็นระยะ ข้อความที่ปรากฏเด่นชัดบนป้าย อาทิ “ไม่เอาชัยเกษม ไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 , 2” , “นักการเมืองชั่ว ผิด ม.144” , “ป.ป.ช.ช่วย จะฟ้องกี่โมง ?”
ทั้งนี้ แกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยชั่วคราวหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. ตอกย้ำข้อเรียกร้อง และกดดันให้เจ้าหน้าที่องค์กรอิสระทำหน้าที่ตามอำนาจอย่างจริงจัง
ด้าน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ตนได้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้เอาผิดคณะรัฐมนตรี นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมถึง ส.ส. และ ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 หลังพบการโยกงบประมาณกว่า 35,000 ล้านบาท ที่อาจเข้าข่ายมาตรา 144
แต่ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ป.ป.ช. กลับยังไม่ดำเนินการ ทั้งที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมาย ขัดแย้งกับกรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียง 15 วันวินิจฉัยถอดถอนและตัดสิทธิการเมือง 10 ปี นอกจากนี้ นายชาญชัย ยังตั้งคำถามว่า ป.ป.ช. จงใจดองเรื่องหรือไม่ และขู่ว่าหากยังไม่เร่งรัด จะเปิดโปงเบื้องหลัง ป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้า
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะรวมพลังฯ ระบุว่า หาก ป.ป.ช. ยังคงนิ่งเฉย อาจเป็นเหตุให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน เพราะเรื่องนี้กระทบต่อหลักการใช้งบประมาณและความเชื่อมั่นของสังคม “เมื่อประชาชนยื่นเรื่องโดยตรง ป.ป.ช. กลับไม่เร่งดำเนินการ ทั้งที่พยานหลักฐานก็ส่งให้ครบแล้ว จึงสงสัยว่าองค์กรนี้ยังทำหน้าที่อิสระหรือไม่”
นายจตุพร ย้ำว่า หาก ป.ป.ช. ยังคงเพิกเฉย อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกลุ่มพร้อมดำเนินการทางกฎหมายอย่างแน่นอน
สถานการณ์การเมืองยังคงสับสน เมื่อรัฐบาลรักษาการนำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย พยายามหาทางยุบสภา หลังไม่สามารถรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ แต่ยังติดเงื่อนไขว่ารัฐบาลรักษาการมีอำนาจยุบสภาหรือไม่ ซึ่งหากยุบจริง ย่อมถูกนำเรื่องขึ้นศาลรัฐธรรมนูญทันที จึงเชื่อกันว่าการยุบสภาจะไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน
รัฐธรรมนูญมาตรา 144 กำหนดชัดเจนว่า สส. และ สว. ไม่มีสิทธิแก้ไขงบประมาณให้ตัวเองหรือพรรคพวกมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงหรืออ้อม หากฝ่าฝืน ศาลรัฐธรรมนูญสามารถตัดสิทธิการเมืองและเพิกถอนตำแหน่งได้ทันที รวมถึงมีอำนาจเรียกเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยภายใน 20 ปี ขณะเดียวกัน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ยังให้อำนาจ ป.ป.ช. ในการไต่สวนและส่งเรื่องต่อศาลโดยพลัน
แม้การชุมนุมดำเนินไปอย่างสงบ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากเสียงปราศรัยและป้ายข้อความที่ตอกย้ำถึงความไม่ไว้วางใจต่อ ป.ป.ช. การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการวางหมากกดดันองค์กรอิสระให้เดินหน้าคดีทางการเมืองที่อ่อนไหวที่สุดคดีหนึ่งของปี