ป.ป.ช. ลุยตรวจสอบที่ดินทุ่งเลี้ยงสัตว์ดอนเขาพลวง ป้องกันนายทุนฮุบที่ป่า!
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายธนเกียรติ วัฒนศิลป์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 7 นายธีรพล ปรียานุภาพ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอชะอำ นายปัญจวุธ ศรีพุฒตาล ปลัดอำเภองานปกครอง หัวหน้าช่างรางวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอำ เทศบาลตำบลนายาง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ตำบลเขาใหญ่ และผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 9 ตำบลเขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ลงพื้นที่ติดตามและตรวจสอบกรณีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง บริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์ดอนเขาพลวง ในพื้นที่ ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จำนวน 2,000 ไร่ ให้เป็นไปตามหลักฐานทางทะเบียนที่สาธารณะที่มีการขึ้นทะเบียนไว้เมื่อปี พ.ศ. 2484
พร้อมด้วยทำการรังวัดระบุแนวเขตที่ดินข้างเคียง ทิศเหนือจรดลำห้วยเขาพลวงยาว 50 เส้น ทิศใต้จรดที่ป่ายาว 50 เส้น ทิศตะวันออกจรดที่พุเกตุยาว 40 เส้น และทิศตะวันตกจรดเทือกเขาพระรอบ ยาว 40 เส้น ซึ่งเป็นแนวเขตธรรมชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อป้องกันการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐ และการขอออกเอกสารสิทธิบริเวณทุ่งเลี้ยงสัตว์ดอนเขาพลวงโดยมิชอบในอนาคต นอกจากนั้นยังมีการติดตามเรื่องสวนป่าโครงการตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย ของกรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ที่เตรียมจัดตั้งเป็นป่าชุมชนในพื้นที่ที่ทาง ป.ป.ช.เคยลงพื้นที่ตรวจยึดกลับคืนมาได้เมื่อปี 65 จึงทำการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
นายธนเกียรติ วัฒนศิลป์ นักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 กล่าวว่า วันนี้ทาง ป.ป.ช.ภาค7 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่มาติดตามเรืองนี้ เนื่องจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้แต่ยังไม่คืบหน้า วันนี้จึงลงพื้นที่มาติดตามเรื่องเกี่ยวกับการรังวัดที่ดิน ป่าเขาพลวง บนเนื้อที่ 2,000 ไร่ เพื่อให้มีความคืบหน้า โดยการนำเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่รังวัดป่าเพื่อจะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ หากไม่ติดขัดอะไรเวลาอันใกล้นี้จะได้เห็นรูปแปลงป่าเขาพลวงจำนวน 2,000 ไร่ ได้อย่างชัดเจน โดยทางเจ้าหน้าที่ที่ดินหากพบกระบวนการใดที่ไม่ถูกต้องก็จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยไว
ส่วนประเด็นแปลงปลูกป่าไม้จำนวน 120 ไร่ ที่ทำการตรวจยึดพื้นที่มาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน เนื่องจากพบมีนายทุนลักลอบเข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าปักเสาดึงลวดหนามเพื่อครอบครองอาณาเขตในพื้นที่ป่า จนเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ภาค 7 ลงมาตรวจยึดพื้นที่คืนไปแล้วนั้น และเตรียมขึ้นทะเบียนเป็นของป่าชุมชน วันนี้ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบพบว่ายังมีหลักฐานทางราชการคาอยู่และมีเสาปูนแนวรั้วยังคงอยู่ในพื้นที่ จนทำให้ชาวบ้านกังวลว่าจะมีการเบียดบังพื้นที่สาธารณะหรือป่าในอนาคตข้างหน้าอีกหรือไม่ ถ้ายังไม่มีความชัดเจน ทางป.ป.ช.ภาค 7 จะทำการติดตามและตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องนี้เป็นอย่างไร ก่อนที่จะแจ้งให้กับชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ทราบ เพื่อป้องกันการเข้ามาบุกรุกครอบครองพื้นที่ป่าชุมชนแปลงนี้ต่อไปในอนาคต