เว้นวรรค รมว.กลาโหม “รอ” บิ๊กแก้ว พ้นเงื่อนไข นั่ง “สนามไชย 1”
หลังถูกกล่าวหา เป็นนักรบห้องแอร์ ทำให้ “บิ๊กเล็ก” รมช.กลาโหม ต้องชี้แจง ในช่วงประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณากระทู้ถามสดของ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ถึงวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.2568) ตอนหนึ่งว่า รู้สึกเจ็บปวดที่ชาวบ้าน จ.สระแก้ว จันทบุรี ตราด ต่อว่า ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ตึงเครียด เหตุใดถูกดึงมาเกี่ยว
“ว่ารัฐบาลวางแผนในห้องแอร์ ฟังแล้วเจ็บปวดมาก ผมไม่ได้นั่งทำงานในห้องแอร์ รับฟังข้อมูลรอบด้าน”
พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า มาตรการควบคุมชายแดน ไม่ได้กดดันอะไรมาก ไม่ได้ปิดด่าน แค่จำกัดการเข้าออกของบุคคล ยานพาหนะตามชายแดน ควบคุมเวลาเข้าออก แต่การโพสต์โซเชียลของผู้นำกัมพูชาทำให้รู้สึกว่ามีการกดดัน สิ่งที่เรากดดันไม่ใช่ด้านเศรษฐกิจ แต่เป็นด้านกระบวนการอาชญากรรม ทำให้สถิติสแกมเมอร์ลดลง
การปรับ ครม.แพทองธาร 1 /2 ในครั้งนี้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม หลัง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ได้สลับงานจากความมั่นคง ไปคุมงานบำบัดทุกข์ชาวบ้านที่กระทรวงตราสิงห์ “มหาดไทย”
โควตาของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีใครขยับ ทุกคน “ยกเว้น” บิ๊กเล็ก พล.อ.ณัฐพล ที่ได้เพิ่มคือ รักษาการในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือสนามไชย 1 ซึ่งตามปกติหน่วยงานที่คุมงานความมั่นคงของประเทศ จะไม่มีเว้นว่าง หรือเว้นวรรคให้เกิดสุญญากาศในการทำงาน หรือการสั่งการ โดยเฉพาะในยามที่ประเทศชาติต้องเผชิญปัญหาความมั่นคงรอบด้าน
แต่ที่ต้อง “เว้นวรรค” ตำแหน่ง รมว.กลาโหมครั้งนี้ เพราะรอให้ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า “สว.” เมื่อพ้นตำแหน่งไปแล้ว จะต้องเว้นวรรคและไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี
พล.อ.เฉลิมพล พ้นจากการเป็นวุฒิสมาชิก (สว.) เนื่องจากเกษียณอายุราชการ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2566 โดยจะพ้นเงื่อนไขในอีก 3 เดือนข้างหน้า คือ วันที่ 30 ก.ย. ที่จะถึงนี้ รัฐบาลจึงจะสามารถเสนอรายชื่อเพื่อขอโปรดเกล้าฯ ได้
สำหรับ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล เป็นชาวตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เป็นบุตรของ นายสมยศ และนางสมจิตต์ ศรีสวัสดิ์ หลังจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมจากโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี ได้สอบคัดเลือกเข้ารับการศึกษา ที่โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 21 และศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 32 ในปี พ.ศ. 2528
ถือเป็นนายทหารมีความใกล้ชิดและเป็นน้องรักของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และเป็นนายทหาร ”คอแดง” เคยเข้ารับการฝึกหลัก สูตรนายทหารสัญญาบัตรหน่วยทหารรักษาพระองค์เป็นระยะเวลา 3 เดือน และได้เข้าดำรงตำแหน่งสำคัญในหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 ในตำแหน่ง รองผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904
“บิ๊กเล็ก” พล.อ.เฉลิมพล ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ “บิ๊กนัย” พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. และอดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (อดีต ผบ.นสศ.) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดต รมว.กลาโหม ด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลพบว่า พล.อ.เฉลิมพล เคยเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก, เป็นผู้อำนวยการ สำนักปฏิบัติการ กรมยุทธการทหารบก และขึ้นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์
ในปี พ.ศ. 2563 พล.อ. เฉลิมพล เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด คนที่ 35 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และ ในวันที่ 5 พ.ค. 2564 ดำรงตำแหน่งกรรมการ ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด–19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเป็น สว.โดยตำแหน่ง ก่อนจะเกษียณอายุราชการเมื่อ ก.ย. 2566
เส้นทางการก้าวขึ้นมาเป็นว่าที่ รมว.กลาโหม ของ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ในอีก 3 เดือนข้างหน้า นอกจากเป็นการกระชับพื้นที่ของ “กองทัพ” แล้ว ยังเป็นการกระชับอำนาจของ “รัฐบาล” พรรคเพื่อไทย ในช่วงสถานการณ์ประเทศมีปัญหาทางด้านความมั่นคง โดยเฉพาะชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้านกำลังตึงเครียด
แม้ขณะนี้จะมี “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ ทำหน้าที่ควบทั้งในตำแหน่งรักษาการ รมว.กลาโหม และ รมช. กลาโหม ระหว่างรอ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ระยะทางอีก 3 เดือนจะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น จึงน่าจับตาทุกองคาพยพของการเคลื่อนไหว และเก้าอี้ สนามไชย 1 ระหว่างเส้นทางที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้
อ่านข่าว : ปภ.เตือนเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง 4 ชุมชนริมแม่น้ำสาย จ.เชียงราย