โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ระทึก!ทรัมป์ส่งจม.ภาษีถึง12ปท.

ไทยโพสต์

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ระทึก! ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในจดหมายถึง 12 ประเทศเรื่องภาษีแล้ว “สภาพัฒน์” จับตาอาจต้องปรับตัวเลขจีดีพี “ธนกร” จี้รัฐบาลหามาตรการรองรับเส้นตาย 9 ก.ค.นี้ ส่วน สอท.รับต้องลุ้น มองแง่บวกใช้เวียดนามโมเดลเป็นบรรทัดฐาน เตือนหากไฟเขียวภาษีมะกัน 0% หมวดสินค้าเกษตรกว่า 20 ล้านชีวิตกระอักแน่

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันขณะเดินทางไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ ระบุว่า ได้ลงนามในจดหมายถึง 12 ประเทศ ถึงระดับภาษีต่างๆ ที่ประเทศเหล่านั้นต้องเผชิญสำหรับสินค้าที่ส่งออกมายังสหรัฐ

“ผมได้ลงนามในจดหมายบางฉบับ และมันจะถูกส่งออกในวันจันทร์ น่าจะประมาณ 12 ฉบับ จำนวนเงินต่างกัน อัตราภาษีก็ต่างกัน”

มาตรการภาษีสหรัฐถูกประกาศครั้งแรกในเดือน เม.ย. โดยนายทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีพื้นฐานกับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมด และตั้งกำแพงภาษีต่างตอบแทนกับประเทศคู่ค้าที่สหรัฐขาดดุลการค้าด้วย แต่นายทรัมป์สั่งระงับมาตรการภาษีต่างตอบแทนเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดทางเจรจาการค้า แต่เส้นตายกำลังจะมาถึงในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งหลายประเทศพยายามผลักดันข้อตกลงที่จะช่วยหลีกเลี่ยงหรือลดกำแพงภาษีของสหรัฐ แต่เท่าที่มีการเปิดเผยออกมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐบรรลุข้อตกลงกับ 2 ประเทศเท่านั้น คือสหราชอาณาจักรและเวียดนาม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังเดินทางกลับจากสหรัฐในการเจรจามาตรกรทางภาษีว่า การเจรจาครั้งนี้มีข้อสรุปที่เป็นไปด้วยดี ซึ่งสหรัฐขอบคุณประเทศไทยที่กระตือรือร้นเข้าร่วมเจรจา และไทยจะรับข้อเสนอทั้งหมดกลับไปจัดทำข้อเสนอเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมยืนยันว่า จุดยืนของคณะทำงานฝ่ายไทยต้องได้ข้อตกลงที่ปฏิบัติได้อย่างยั่งยืน และได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งแม้การเจรจาจะยังต้องเดินหน้าต่อ เพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดของ 2 ประเทศ

ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวถึงการทบทวนตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568 หลังการเจรจากับสหรัฐยังไม่เป็นผลว่า ต้องดูปัจจัยหลายอย่าง เดิมให้กรอบจีดีพีไว้ที่ 1.3-2.3% ค่ากลาง 1.8% ในกรณีที่ไทยถูกเรียกเก็บอัตราภาษีสูงสุด 36% และประเทศอื่นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ขณะนี้เวียดนามบรรลุการเจรจาถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องประเมินจีดีพีใหม่ และต้องรอดูประเทศอื่นๆ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่สำคัญไทยเองจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าใด ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ 10-36% ซึ่งสมมติฐานในการคำนวณจีดีพี มีหลากหลายมาก และมีความเป็นไปได้หลากหลายเช่นกัน จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

“ขณะนี้ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งไม่มีใครสามารถเดาใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ หากจะถามว่าจีดีพีจะเป็นเท่าไร หลังจากตรงนี้ บนพื้นฐานที่ยังไม่รู้ว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีอัตราเท่าใด สมมติฐานในการคำนวณเยอะมาก” นายดนุชากล่าว

แนะหามาตรการรองรับ

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่นายพิชัยนำคณะเจรจาภาษีสหรัฐ หรือทีมไทยแลนด์เข้าสู่กระบวนการเจรจาเกี่ยวกับภาษีอย่างเป็นทางการกับสหรัฐ โดยได้พบกับภาครัฐและบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในระดับนโยบาย แต่ก็ยังมีความน่ากังวล เพราะการเจรจาดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากต้องมีการปรับข้อตกลงและเงื่อนไขใหม่ และเข้าใจว่าจะต้องนำข้อตกลงใหม่บินกลับไปเจรจากับทางการสหรัฐอีกรอบ จึงรู้สึกเป็นห่วงว่ากระบวนการดังกล่าวน่าจะไม่ทันเดดไลน์หรือเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไว้ใน 90 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 ก.ค.นี้ หรือมีเวลาแค่ 4 วันเท่านั้น

นายธนกรกล่าวต่อว่า นายพิชัยและทีมไทยแลนด์ ทีมนโยบายเศรษฐกิจจำเป็นจะต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อรองรับสถานการณ์เกี่ยวกับการเก็บภาษีของสหรัฐ ที่จะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกอย่างหนักแน่นอน เพราะถ้าไทยถูกเก็บภาษีที่ 36% เมื่อเทียบกับเวียดนามที่ถูกลดเหลือ 20% สินค้าไทยแพงกว่าตั้ง 16% ซึ่งภาคส่งออกของเราจะมีปัญหาแน่นอน ทำให้ความสามารถการแข่งขันในการส่งออกลดลง และสินค้าได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากเวียดนามส่งออกสินค้าโครงสร้างใกล้เคียงกับไทย ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการลงทุน สินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐจะมีราคาสูงขึ้น ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และอาจส่งผลให้โรงงานในไทยต้องลดกำลังการผลิตหรือปิดกิจการ ซึ่งจะนำไปสู่การว่างงาน ตกงานและปัญหาค่าครองชีพในประเทศสูงขึ้นตามมา

“ขอฝากไปยังนายพิชัยและทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลว่า ต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ประชาชนเข้าใจภายหลังการเจรจาอย่างเป็นทางการรอบแรกไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนกลับมา และหลังจากนี้ต้องระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจเพื่อร่วมหาทางออกให้กับประเทศที่ดีที่สุด โดยรัฐบาลต้องเตรียมมาตรการสำรองหรือแผนฉุกเฉินออกมารองรับสถานการณ์ให้รอบด้านทุกมิติ เพื่อช่วยเหลือพยุงผู้ส่งออก ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศ เช่น การหาตลาดใหม่ที่ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐ และมีมาตรการสนับสนุนด้านการเงิน และออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานภายในประเทศไว้ล่วงหน้าด้วย" นายธนกรกล่าว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ไทยจะครบระยะเวลาผ่อนปรนภาษีนำเข้าเหลือ 10% จากสหรัฐวันที่ 9 ก.ค.2568 ซึ่งปกติการเจรจาต้องเกิดขึ้นหลายรอบ เนื่องจากต้องมีการต่อรองเงื่อนไขระหว่างกัน แต่ไทยเพิ่งได้เริ่มเจรจาวันที่ 3 ก.ค. ทำให้ต้องมีการปรับหรือแก้ไขข้อเสนอใหม่ โดยยังไม่รู้ว่าจะมีการขยายเวลาให้หรือไม่ เพราะเวลานี้กระแสข่าวที่ออกมายังค่อนข้างสับสน

“ปัจจุบันยังไม่รู้ว่ากระแสข่าวใดที่ออกมาจริงหรือเท็จ โดยทรัมป์ระบุว่าเริ่มส่งจดหมายตั้งแต่วันศุกร์ของสหรัฐ หรือวันเสาร์ของไทย ซึ่งยังไม่รู้ว่าประเทศใดที่จะถูกหวยบ้าง และยังไม่รู้ว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีที่เท่าไหร่ และติดอยู่ใน 10 ประเทศแรกเลยหรือไม่ ต้องคอยลุ้นอยู่ทุกวัน เพราะ 100 ประเทศต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน” นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกรกล่าวว่า หากเป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้ และเป็นไปในลักษณะที่การเจรจาไม่ทันกำหนดเดดไลน์ ข้อตกลงระหว่างสหรัฐกับเวียดนามอาจเป็นต้นแบบหรือโมเดลให้ประเทศในภูมิภาค จึงเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อสหรัฐไม่สามารถเจรจากับประเทศที่เหลือได้ทัน ก็อาจนำแนวทางเดียวกับเวียดนามมาใช้ โดยเก็บภาษี 20% กรณีที่เป็นสินค้าจากเวียดนาม ส่วนกรณีที่เป็นสินค้าที่มีการสวมสิทธิ์โดยผ่านเวียดนามจะถูกเรียกเก็บที่ 40% ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไขพ่วงด้วยก็คือ เวียดนามจะไม่เก็บภาษีใดๆ ในการนำเข้าสินค้าสู่เวียดนาม หรือภาษีเป็น 0% ทุกรายการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่

หวั่นภาคเกษตรกระอัก

“หากสหรัฐนำแนวทางดังกล่าวมาใช้ ก็ไม่รู้ว่าไทยจะยอมรับเงื่อนไขการไม่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นก็ต้องมาลุ้นว่าจะเป็นอย่างไร หากได้ลดภาษีเท่ากับเวียดนามก็ยังพอไปไหว หรือหากได้ลดต่ำกว่าเวียดนาม 5-10% ก็จะเป็นผลดีกับไทย แต่ทางกลับกันหากไทยไม่ได้รับการลดภาษี และสหรัฐยึดแนวทางการเก็บภาษีที่ 36% ไทยจะเสียหายอย่างมาก แต่จะมากแค่ไหนต้องมาดูเป็นรายอุตสาหกรรมอีกครั้งหนึ่ง” นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกรกล่าวต่อว่า ประเด็นที่น่าหนักใจเวลานี้ก็คือ ข้อเสนอจากเวียดนามในการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐเป็น 0% เบื้องต้นที่ได้ตรวจสอบจะไม่กระทบต่อสินค้าอุปโภคบริโภคและเอสเอ็มอีมากมายเท่าใดนัก แต่สิ่งที่ห่วงจากการที่ไม่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐเป็น 0% คือสินค้าภาคการเกษตร ซึ่งปัจจุบันสินค้าจากสหรัฐที่ส่งออกทางการเกษตรราคาถูก และผลิตได้ปริมาณมาก หากไทยไม่เก็บภาษีก็มีสินค้าเข้ามาถล่มเกษตรกรไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด หมู และวัว ซึ่งจะกระทบกับเกษตรกรและภาคปศุสัตว์ ที่มีผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมประมาณกว่า 20 ล้านราย

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากมีข้อสรุปและไทยสามารถปรับลดภาษีได้ต่ำกว่า 20% หรือได้รับการยืดเส้นตาย ภาคส่งออกไทยจะยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง หากอัตราภาษีตอบโต้ถูกเรียกเก็บในอัตราสูงกว่า 20% ภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบและชะลอตัว โดยเฉพาะในสินค้าส่งออกที่ไทยต้องแข่งขันกับเวียดนาม

รศ.ดร.อนุสรณ์ยังกล่าวอีกว่า มาตรการคุมชิป AI ของสหรัฐในการส่งออกมาไทยและมาเลเซีย เพื่อสกัดการลักลอบเข้าจีนสะท้อนการแข่งขันรุนแรงทางเทคโนโลยีเอไอระหว่างจีนกับสหรัฐ ที่อาจพัฒนาไปสู่การเป็นสงครามทางการค้าอีกรูปแบบหนึ่ง โดยการกีดกันเพื่อให้คู่แข่งไม่สามารถเข้าถึงความรู้ทางเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีเอไอล่าสุดส่งผลกระทบอุตสาหกรรมไฮเทคไทยและมาเลเซีย ส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้ยังจะส่งผลต่อยุทธศาสตร์ในการสร้างอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยอีกด้วย.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ยก 8 เหตุผลสำคัญ ‘เพื่อไทย’ ไม่กล้ายุบสภา ต้องดึงดันถูลู่ถูกังไปให้ยาวนานที่สุด

22 นาทีที่แล้ว

อาจารย์ยังคิดได้แค่นี้! ‘หมอวรงค์’ ไม่แปลกใจประชาธิปไตยถึงโดนไล่มาตลอด

39 นาทีที่แล้ว

รองอธิบดีฯมั่นคงจีน ลงพื้นที่ชายแดนเมียวดี-แม่สอด ติดตามปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ระทึก! รถบรรทุกถังแก๊สพุ่งชนด่านบางแก้ว ก๊าซรั่วฟุ้งกระจาย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

หน้า 1 หนังสือพิมพ์สยามรัฐรายวัน ฉบับวันที่ 07/07/68

สยามรัฐ

ควันไฟพุ่ง! ปกคลุมร้านค้า ย่านวัชรพล เร่งหาสาเหตุ

มุมข่าว

เตือนคนไทย ยอมให้ต่างชาติใช้ชื่อเป็นนอมินี ระวังคุก

สำนักข่าวไทย Online

จับได้แล้ว มือเผารถอดีต สส.สงขลา คาดเล็งหวังผลทางการเมือง

Thaiger

"แผ่นดินไหว" 7 ก.ค. 68 ไหวที่"ลำปาง" ทั่วโลกเขย่าต่อเนื่องรหัสแดง

คมชัดลึกออนไลน์

อ่านเกมนิรโทษกรรม 4 ฉบับ ผ่านร่องรอยอดีตและขีดเส้นอนาคตการเมืองไทย

TNN ช่อง16

ไม่มีเจาะจง!เกาหลีใต้แจกเงินพลเมืองทุกคน เป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ

Manager Online

วุฒิสภา ถกนัดแรก จับตากระทู้ถาม-รายงานแก้น้ำท่วมภาคเหนือ

INN News

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...