พี่น้องเมย เผยบันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย เปิดเอกสารไต่สวนการตาย ยันไม่ได้โกหก จนถูกธำรงวินัย
พี่น้องเมย เผยบันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย เปิดเอกสารไต่สวนการตาย ยันไม่ได้โกหก จนถูกธำรงวินัย เผยอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน
เมื่อวันที่ 22 ก.ค.68 เมี่ยง สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาว นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่เสียชีวิตอย่างปริศนา หลังถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 โดยครอบครัวต่อสู้คดีมานานกว่า 8 ปี
เมี่ยง สุพิชา โพสต์เฟซบุ๊กโดยระบุว่า “บันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย วันนี้ได้มีการออกนั่งอ่านฎีกา ณ ศาล มบท.12 คดีทำร้ายร่างกาย น.ต.ท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์
ส่วนที่ 1 ศาลสูงยื่นตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ แต่ให้รอการจำคุกไว้ เนื่องด้วยเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ประเด็นต่อมาคือ ลงในฐานความผิดอาญาลหุโทษ ทำให้จำเลยยังคงรับราชการเป็นตำรวจได้ต่อไปโดยที่ไม่ต้องออกจากราชการ แต่คนตายนั้น ไม่มีสิทธิแม้แต่ได้ดำรงชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ
ส่วนที่ 2 น.ต.ท.ภคพงศ์ นายต้องปราศจากความผิดทั้งหมด รวมถึงข้อครหาว่าเพราะนาย “โกหก” จึงต้องไปโดนธำรงวินัย
เอกสารที่แนบมานี้ ไม่ได้ถูกส่งประกอบเข้าไปในการฟ้องร้อง เพราะขอเอกสารจากต้นสังกัดเข้ามาในสำนวนไม่ทัน แต่ดิฉันอยากเอาออกมาเปิดเผยให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกันว่า เรื่องทั้งหมดที่เด็กชายคนนึงต้องรับมันไว้เกิดมาจากจุดใด
อยากให้ทุกคนได้อ่านมันไปพร้อมๆ กันและสรุปเรื่องราวนี้ในใจของท่านเองว่าคิดเห็นอย่างไร
เอกสารฉบับที่ 1 เป็นคำให้การของนักเรียนบังคับบัญชาที่พาน้องเมยเดินลงมาด้วยกัน และมีการอนุญาตให้ใช้บันไดเจ้าปัญหาแล้ว
เอกสารฉบับที่ 2 เป็นคำให้การของจำเลย ซึ่งเป็นนักเรียนบังคับบัญชาเช่นกัน
โปรดตั้งใจอ่านแล้วจะเห็นจุดขัดแย้ง
ส่วนที่ 3 ความรู้สึกของพวกเราสามคน ในฐาน พ่อ แม่ และพี่สาวของเด็กชายคนนึง เราทั้งสามคนต้องนั่งฟังคำให้การวนเวียนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าน้องเมยโกหกถึงได้รับผลเช่นนี้
ทุกปากที่มาขึ้นศาลหรือให้การกับตำรวจล้วนแล้วแต่ปรักปำให้เด็กชายเป็นคนผิด ไม่ใช่แค่จากนักเรียนด้วยกัน แต่จากปากผู้ปกครองของเด็กอื่นๆ ก็ด้วย “ไอ้ขี้โกหก” ทำให้ทุกคนต้องมาเสียชื่อเสียง โรงเรียนได้รับผลกระทบ ทำไมครอบครัวไม่ยอมทำใจยอมรับมันซะละ เพราะลูกแกนะมันเป็น “ไอ้ขี้โกหก” วันนี้คุณทุกคนลองอ่านทุกตัวหนังสือเสียใหม่นะว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นยังไง แล้วใครกันที่โกหก
ส่วนที่ 4 ถึงผู้ปกครองส่วนมากก็ดี แต่ก็มีอีกส่วนที่รักโรงเรียนเสียยิ่งกว่าอะไรจนจับต้องไม่ได้ ฟังนะสิ่งที่ทำไปทั้งหมด มันจะไปกระทบกองทัพ โรงเรียน หรือปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร มันก็ถูกต้องแล้วที่หน่วยงานพวกนี้จะถูกตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกอย่างโปร่งใส ถ้าให้ตรวจสอบกันเอง พวกคุณก็ให้การเข้าข้างกันแบบนี้แหละ เป็นนักเรียนยังขนาดนี้เติบใหญ่จะเป็นขนาดไหน…
อย่างน้องเด็กชายที่ตายไปได้สร้างแรงกระเพื่อมทิ้งไว้ ทำให้ระบบอะไรๆ มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็มองข้อดีในตรงนี้กันบ้าง เพราะฉันรู้ว่ามันจริง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แม่น้องเมย ขอเดิมพันชีวิต ทวงคำตอบระบบเกียรติศักดิ์ กองทัพไทย
- พี่แฉคดี‘น้องเมย’ จ่อแจ้งจับทหารโยงการตาย-เปลี่ยนข้อมูล แจงปมเงิน 10 ล้าน
- ศาลทหารชั้นฎีกา พิพากษาคดี น้องเมย จำคุก 4 เดือน 16 วัน ให้รอลงอาญา 2 ปี ชี้จำคุกรุ่นพี่ไม่เกิดประโยชน์
- แม่ น้องเมย ร่ำไห้เปิดใจหลังรู้คำพิพากษา เผยรุ่นพี่ไม่เคยขอโทษ ถามจะทำคุณประโยชน์ให้ชาติยังไง
ส่วนที่ 5 วันนี้เดินทางมาสุดสายปลายทางของคดีแรกแล้ว พวกเราทำสำเร็จแล้วนะเมย แต่ถึงมันจะไม่ได้รู้สึกว่ายุติธรรมมากพอแต่มันก็สำเร็จแล้ว ฉันล้างมลทินทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้นายแล้ว ขอบคุณพ่อกับแม่ที่หัวใจแหลกสลายแค่ไหนแต่ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะอยู่และทนรับความเจ็บปวดนี้ไว้
สุดท้ายนี้ฉันอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการพิจารณาความ อะไรที่เป็นอาญาทหารก็ให้ไปขึ้นศาลทหาร เหตุอะไรที่เกิดในกฎหมายอื่นก็อยากให้ไปขึ้นศาลพลเรือน เพราะการพิจารณาคดีมันแตกต่างกันจริงๆ
โกหกใครโกหกได้ แต่ใจเราโกหกตัวเองไม่ได้ เพราะฉันยืนตามความจริงมาตลอดฉันถึงแข็งแกร่ง ฉันถึงพูดออกมาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ ด้วยรัก
ปล.วันนี้ทุกคนอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัดแล้วน้า ดีใจด้วย”
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พี่น้องเมย เผยบันทึกจากพี่สาวถึงน้องชาย เปิดเอกสารไต่สวนการตาย ยันไม่ได้โกหก จนถูกธำรงวินัย
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th