ปรับริมฝีปากให้สวยอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ ด้วยฟิลเลอร์ปาก เทรนด์มาแรง 2025
บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากตั้งแต่พื้นฐานว่าคืออะไร เลือกแบบไหนให้เหมาะกับใบหน้า ไปจนถึงวิธีดูแลหลังฉีด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ แบบไม่ต้องกลัวพลาด
ฟิลเลอร์ปากคืออะไร? เหมาะกับใคร?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง โดยปกติจะใช้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ แถมมีคุณสมบัติช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เมื่อนำมาฉีดเข้าไปบริเวณริมฝีปาก ก็จะช่วยเพิ่มวอลลุ่ม ปรับรูปทรงให้ดูอวบอิ่มและขอบปากคมชัดเจนขึ้นได้สวยงาม เป็นธรรมชาติ
ใครบ้างที่เหมาะกับฟิลเลอร์ปาก?
- คนที่มีริมฝีปากบาง ขาดมิติหรือไม่เท่ากัน
- คนที่มุมปากตก ดูเศร้าหรือไม่สดใส
- คนที่อยากเติมความชัดให้รูปปาก เช่น ปากกระจับ สายเกาหลี หรือปากสายฝอ
- คนที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี
- คนที่ไม่อยากศัลยกรรม แต่ก็อยากให้รูปปากดูดีขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่คุณอาจยังไม่รู้
ไม่ใช่แค่เป็นข้อดี แต่ถือว่าเป็นประโยชน์จากการฉีดฟิลเลอร์ปากที่จะได้รับดังต่อไปนี้ด้วยเลยแล้วกัน
- ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย
- เห็นผลทันทีหลังทำ
- หากไม่พอใจสามารถสลายออกได้ ใช้ได้เฉพาะฟิลเลอร์แท้
- ช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมให้ดูละมุนหรือคมขึ้น ขึ้นอยู่กับสไตล์ที่ต้องการ
- เติมความมั่นใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยดูแลสุขภาพผิวปาก ผิวนุ่มชุ่มชื้น ไม่แตกลอก ริ้วรอยจางลง
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม? อันตรายหรือเปล่า?
ห้าเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญฟิลเลอร์โดยเฉพาะ และใช้ฟิลเลอร์แท้ 100% มี อย.ไทย จะไม่อันตรายเลยสักนิด อีกทั้งยังใช้เวลาในการฉีดต่อครั้ง ไม่นานด้วย หรือประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ
ปรึกษาแพทย์
พูดคุยถึงความต้องการ เช่น อยากได้ปากแบบไหน เน้นธรรมชาติหรือชัดเจน
ออกแบบรูปทรงปาก
แพทย์จะประเมินความเหมาะสมกับรูปหน้า
ทายาชา / ฉีดยาชา
ลดความเจ็บระหว่างฉีดได้ดี และบางคลินิกใช้หัวเข็มทู่เพื่อลดรอยช้ำ
ฉีดฟิลเลอร์
แพทย์เริ่มลงมือฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ต้องการเติมเต็ม และใช้เวลาไม่เกิน 20–30 นาที
ประเมินผลและให้คำแนะนำหลังทำ
หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะแนะนำให้ดูแลตัวเอง เช่น การประคบเย็น ลดอาการบวม เลี่ยงการกินของร้อนจัด และบางเคสแพทย์อาจนัดเข้ามาเติมฟิลเลอร์เพิ่มเล็กน้อยหลังจากผ่านไป 1–2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้รูปทรงที่เป๊ะที่สุด
ฟิลเลอร์ปากแบบไหนที่ดูธรรมชาติ ไม่โป๊ะ
หลายคนกลัวว่า “ฉีดแล้วจะบวมตุ่ย ดูเยอะเกิน ดูออกมากไปเลยมั้ย?” จริง ๆ แล้วถ้าทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถควบคุมปริมาณและรูปทรงให้ดูละมุนและเหมาะกับใบหน้าได้ ซึ่งปัจจุบันมีทรงฟิลเลอร์ปาก ที่ทั้งสาว ๆ และหนุ่ม ๆ นิยมฉีด ดังนี้
ทรงฟิลเลอร์ปากธรรมชาติ
ให้ผลลัพธ์โดยรวมแบบอวบอิ่มนิด ๆ ดูสุขภาพดี ไม่สะดุดตาจนเกินไป เน้นให้สมส่วนกับโครงสร้างใบหน้าของคนเอเชีย
ทรงฟิลเลอร์ปากกระจับ
เป็นทรงที่นิยมมาอย่างยาวนาน เพราะเน้นขอบปากบนชัด มุมปากยก เผยให้เห็นเสน่ห์ทั้งเวลายิ้ม และเวลาทำหน้านิ่ง ๆ
ทรงฟิลเลอร์ปากสายฝอ
เป็นทรงปากที่เน้นวอลลุ่มเต็ม ๆ ฉีดออกมาแล้วจะดูเซ็กซี่ ซึ่งสาว ๆ ที่เหมาะกับทรงนี้ ส่วนใหญ่จะมีโครงหน้าแต่ละส่วนชัดอยู่แล้ว เช่น รูปทรงตา สันจมูกชัด เพื่อรับกับรูปปากทรงนี้ได้อย่างพอดี
ทรงฟิลเลอร์ปากสายเกาหลี
จะฉีดให้บริเวณขอบปากไม่ชัดมาก แต่ดูละมุน อิ่มฟู เน้นให้ความรู้สึกน่าจุ๊บ สไตล์ไอดอลสาวเกาหลี
ประเภทของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กับปาก
ไม่ใช่ฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อจะเหมาะกับการฉีดปาก เพราะริมฝีปากเป็นจุดที่เคลื่อนไหวบ่อย และผิวบางกว่าส่วนอื่น ๆ จึงต้องเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่น ดังนั้นยี่ห้อฟิลเลอร์ปากยอดนิยม ในไทยตอนนี้ ได้แก่
Juvederm Volbella / Volift
เนื้อฟิลเลอร์เนียนนุ่ม ดูธรรมชาติ อยู่ได้นาน 9–12 เดือน
Restylane Kysse
ออกแบบมาสำหรับปากโดยเฉพาะ ให้เนื้อสัมผัสชัดเจนขึ้นเล็กน้อย
Belotero Balance / Lips
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเป็นธรรมชาติสูงมาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ดูแลตัวเองอย่างไรให้อยู่ได้นาน
หลังทำจะมีอาการบวมนิดหน่อยประมาณ 1–3 วัน แต่จะค่อย ๆ เข้าที่ใน 1–2 สัปดาห์ และมีสิ่งที่ควรทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แถมยังช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน คุ้มค่า เต็มประสิทธิภาพอีกด้วย
สิ่งที่ควรทำ
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ดูชุ่มชื้นและฟู
- ประคบเย็นหากรู้สึกบวม
- เข้าตรวจซ้ำตามแพทย์นัด
สิ่งที่ควรเลี่ยงในช่วง 3 วันแรก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดอาหารร้อนหรือเผ็ดมาก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสปาก เช่น ถู กด หรือการจูบแรง ๆ ที่ทำให้เกิดการขยับปากมากเกินไป
- งดแต่งหน้าหนัก ๆ ทาลิปสติกที่มีสารเคมีแรง ๆ บริเวณปาก
ฟิลเลอร์ปากของปลอมดูยังไง?
เพราะหลายคนโดนล่อลวง ด้วยราคาถูกแต่มักใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ดังนั้นสิ่งที่จะพอทำให้ตัดช้อยฟิลเลอร์ปลอม คือข้อสังเกตเหล่านี้
ราคาถูกผิดปกติ
หากราคาต่ำกว่าท้องตลาดแบบมากเกินไป เช่น ต่ำกว่า 4,000–5,000 บาทต่อ 1 ซีซี โดยไม่มีโปรโมชั่นพิเศษหรือเหตุผลรองรับ ควรระวังไว้ให้ดี เพราะในความเป็นจริงแล้วฟิลเลอร์แท้มีต้นทุนสูง
ไม่มีการโชว์กล่อง-ฉลากฟิลเลอร์ให้ลูกค้าเห็น
คลินิกหรือผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือจะเปิดกล่องให้เห็นต่อหน้า เพื่อยืนยันว่ามีฉลาก อย. พร้อมล็อตเลข สติกเกอร์ชัดเจนว่าเป็นของแท้ทุกครั้งก่อนฉีด
ฟิลเลอร์ไม่มีฉลากภาษาไทยหรือเอกสารกำกับยา
ฟิลเลอร์แท้ที่นำเข้าถูกต้องจะมีเอกสารกำกับยา และฉลากภาษาไทยพร้อมระบุชื่อรุ่นและวันหมดอายุชัดเจน
ฉีดโดยผู้ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ หรือไม่ใช่แพทย์เชี่ยวชาญ
อย่าลืมเช็กว่าแพทย์ที่ฉีดมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมจากแพทยสภาจริงหรือไม่ (สามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์แพทยสภา)
ฉีดนอกสถานพยาบาล หรือไม่ใช่คลินิกที่ได้รับอนุญาต
แม้ราคาถูกแต่ถ้าฉีดที่บ้าน,หอพัก หรือสถานที่ไม่สะอาด ก็มีความเสี่ยงสูงมากว่ากำลังเจอกับมิจฉาชีพที่มาในคราบหมอฟิลเลอร์
ไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานการซื้อยา
การขอใบเสร็จหรือเอกสารรับรองหลังทำเป็นสิ่งที่ควรได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะในกรณีต้องการตรวจสอบย้อนหลัง
เลือกคลินิกอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่เจอฟิลเลอร์ปากปลอม?
เพราะเรื่องความปลอดภัยสำคัญมากจริง ๆ โดยเฉพาะหัตถการความงามเกี่ยวกับผิวหนัง ร่างกาย ถ้าไม่ปลอดภัยจริง ๆ ไม่ดีจริง ๆ ผลที่ตามมาอาจไม่คุ้ม ดังนั้นสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจอย่างเข้มงวด มีดังนี้
- มีแพทย์ประจำคลินิกจริง มีใบประกอบโรคศิลป์
- ใช้ฟิลเลอร์ที่มี “กล่อง-ล็อตเลข-สติ๊กเกอร์ อย.” ให้ดู
- รีวิวผู้ใช้จริง ไม่ใช้รีวิวปลอมจากรูปโฆษณา
- สถานที่สะอาด เครื่องมือปลอดเชื้อ
- อย่าเห็นแก่ของถูกเกินไป เพราะฟิลเลอร์แท้ราคาต่อซีซีจะไม่ต่ำจนเกินจริง
คำถามเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปากที่พบบ่อย
Q: ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 6-12 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นที่เลือกใช้ บวกกับการดูแลของแต่ละท่านหลังทำ
Q: ฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ความรู้สึกตอนฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นคนไข้จะรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อยบ้าง แต่โดยทั่วไปไม่เจ็บมาก เพราะมีการใช้ยาชาหรือการประคบเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
Q: ฟิลเลอร์สามารถสลายเองได้ไหม?
ได้สิ ฟิลเลอร์ที่เป็น HA จะสลายไปเองในร่างกาย หรือสามารถฉีดเอนไซม์เพื่อสลายได้หากไม่พอใจ
Q: ฉีดแล้วดูไม่ธรรมชาติ แก้ได้ไหม?
แก้ได้ โดยอาจต้องปรับรูปทรง เติมหรือสลายบางส่วน ซึ่งต้องทำกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญเท่านั้น
Q: ฟิลเลอร์ปากเท่าไหร่ดี? ใช้กี่ซีซีถึงจะพอดี?
ปกติฉีดฟิลเลอร์ปากจะเริ่มที่ 1 cc ถ้าอยากให้ดูได้รูปปากชัดเจนขึ้น อาจต้องใช้ 1.5-2 cc ขึ้นไป แต่ปริมาณขึ้นกับรูปปากเดิม, ความต้องการของลูกค้า และคำแนะนำของแพทย์
สรุป Checklist ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปากไม่ใช่แค่เรื่องของความงามเท่านั้น แต่เป็นการเติมเต็มเพื่อสร้าง “ความสมดุล” และ“ตัวตน” ให้เกิดความมั่นใจเล็ก ๆ ที่อาจเปลี่ยนลุคและความรู้สึกในทุกวัน หากสนใจฉีดฟิลเลอร์ปาก สิ่งแรกคือขอให้เข้าใจวิธีเลือกฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง ฉีดปากด้วยฟิลเลอร์แท้เท่านั้น และเลือกคลินิกที่ไว้ใจได้ ก็สามารถมีริมฝีปากอวบอิ่มแบบปลอดภัยได้แน่นอน