เพื่อล้างแค้นให้พี่น้องชาวไทย'ตระกูลฮุน'จะต้องถูกเผด็จศึก แม้การยิงกับกัมพูชาจะยุติลงก็ตาม
ศึกครั้งนี้ "ตระกูลฮุน" เป็นผู้ก่อและจะต้อง "รับผลกรรม" ไม่มีการไกล่เกลี่ยใดที่จะบรรเทาผลกรรมที่พวกนี้ทำลงไปได้
นั่นคือการโจมตีพื้นที่พลเรือนอย่างหนักทุกวัน การสังการพลเรือนพี่น้องชาวไทยอย่างเหี้ยมโหด การยิงทำลายโรงพยาบาล การถล่มโรงเรียน และการทำสงครามข่าวปลอมที่หลอกคนทั้งซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็น "ประเทศสแกมเมอร์"
ทั้งหมดนี้ทำให้ตระกูลฮุนเป็น "อาชญากรสงคราม" ไปแล้ว
คนที่เป็นอาชญากรไม่ควรที่รัฐบาลไทยจะไปต่อรองอะไรด้วยตั้งแต่แรกแล้ว แต่รัฐบาลนั้น "อ่อนแอ" และ "พึ่งพาไม่ได้" จึงยอมคล้อยตามเสียงเรียกร้องจาก "ข้างนอก" ให้ไปเจรจากับพวกฮุนอย่างว่านอนสอนง่าย
ยังไม่นับที่รัฐบาลไทยชุดนี้ยังมีข้อครหาเรื่อง "ฮุน เซน คอนเนกชั่น" อันทำให้เกิดความกังขาต่อผู้คนจนบัดนี้
ส่วน "ข้างใน" มีแต่เสียงตำหนิ ถึงขั้นสาปส่งที่รัฐบาลจะไปคุยเรื่องหยุดยิง
ถึงจะ "ไม่ไปไม่ได้" แต่การเจรจาหยุดยิงควรมีหลายรอบ ไม่ใช่ว่าเจรจากันรอบเดียวแล้วประเทศไทยจะยอมหยุดยิงในทันทีที่กัมพูชา "ร้องขอ" แล้วก็ตลฃบหลัลโจมตีไทยด้วยสงครามนอกรอบไปเรื่อยๆ
แม้จะมีแรงกดดันจากมาอำนาจที่เข้าร่วมเจรจา คือ สหรัฐฯ และจีน
แต่รัฐบาลไทยต้องตระหนักว่า สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นมิตรที่ดีกับไทยเพราะทำสงครามภาษีกับไทยและฉวยโอกาสนี้ "เหยียบย่ำไทย" ในขณะที่จีนนั้นต้องรักษาผลประโยชน์ของเขาในภูมิภาคนี้เป็นหลัก ดังนั้นทุกคนล้วนมีวาระของตนเอง
หน้าที่ของรัฐบาลคือรักษาผลประโยชน์ชาติไทย ไม่ใช่ไปคล้อยตามคนอื่น แม้แต่มาเลเซียเองก็ควรถูกตำหนิที่มา "ยุ่มย่าม" ทำตัวเป็นคนกลาง แม้จะเป็นประธานอาเซียนที่มีพันธะจะต้อง "ไกล่เกลี่ย" ก็ตาม
แม้ผมจะเห็นด้วยกับเสียงของประชาชนในประเทศที่ไม่ต้องการให้ไปคุย แต่ต้องยอมรับว่าการคุยครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้สหรัฐฯ และจีน ได้รับรู้ว่า "ใครกันแน่ที่เป็นอาชญากรสงคราม" และบอกกับมหาอำนาจว่า "ไทยตัดสินใจเองได้" เรื่องสั่งสอนกัมพูชชา
และใช้โอกาสนี้เรียกร้องเอาหนักๆ จากกัมพูชา ทั้งประกาศยกเลิกข้อตกลงเรื่องชายแดนทั้งหมด ชดใช้ความเสียหาย เอาตัวผู้สังหารพลเรือนไทยมาลงโทษ และข้อแม้ให้ทำลายศูนย์สแกมเมอร์ทั้งหมด
หากรัฐบาลไปเจรจาแบบนี้ผมจะ "ยอมให้อภัยอยู่บ้าง"
แต่ถ้าไปแล้วกลับมามือเปล่า แถมแบกเอาเงื่อนไขของฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มาด้วย ผมคงจะต้องนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้รัฐบาลรับ "แรงแค้น" จากพี่น้องผองไทยกันเอาเอง
อย่างที่ผมกังวลครับ รัฐบาลไม่มีความน่าเชื่อถือ โอกาสที่เราจะรับเงื่อนไขที่ไม่เข้าท่ามีสูงมาก
ผมจึงทำใจไว้แล้วว่าการเจรจาอาจจะไม่ตรงกับใจพี่น้องชาวไทย
แต่ผมอยากจะบอกคนไทยว่า แม้จะการหยุดยิงจะเกิดขึ้นโดยที่ไทย "เสียเปรียบ" หรือ กระทั่งถูกกัมพูชาเอาไปใส่ความว่า "ยอมแพ้"
แต่คนไทยจะต้องไม่ยุติ "สงครามปราบตระกูลฮุน"
"สงครามปราบตระกูลฮุน" คือการเปืดโปงความชั่วร้ายของ ฮุน เซน, ฮุน มาเนต, และเครือข่ายทั้งหมดของวงอำนาจนี้ ทุกชื่อเสียงเรียงนาม ทุกหน้าตาของคนพวกนี้จะต้องถูกเผยออกมาให้คนไทยได้รู้จัก และได้เห็นว่าคนพวกนี้บ่อนทำลายไทยมานาแค่ไหน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามเข่นฆ่าคนไทยอย่างไร
เช่นเดียวกับ "ศาลอาชญากรโลก" คนพวกนี้จะถูก "ศาลเสียงประชาชน" หรือ Court of public opinion พิพากษาให้เป็น "บุคคลไม่พึงปรารถนา" ที่ไม่ควรต้อนรับเข้าประเทศใดๆ
ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่จะช่วยกันหมายหัวพวกนี้ แต่คนไทยจะช่วยกันเปิดโปงพวกนี้ในระดับโลกด้วย ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเหมือนเวลานี้ที่เราทำสงครามข่าวสารเปิดโปงอาชญากรรมสงครามของกัมพูชา "ด้วยตัวของเราเอง"
ประเทศกัมพูชาภายใต้ระบอบตระกูลฮุนจะต้องเป็นที่รังเกียจในสายตาชาวโลก แม้แต่คนกัมพูชาที่ยอมสยบให้ตระกูลนี้อย่างเต็มใจและร่วมมือกับพวกนี้ ก็ควรจะถูกเปิดโปงและทำให้อับอายไปด้วย
ครับ การทำสงครามกับคนพวกนี้ การเข่นฆ่ากวาดล้างไม่ใช่ทางออก แต่เป็นการทำ Public humiliation หรือทำให้ขายขี้หน้าด้วยวิธีการป่าวประกาศรูปแบบต่างๆ ในภาษาต่างๆ และในสื่อต่างๆ
ผมยังหวังว่า สักวันหนึ่งเมื่อเรามี "รัฐบาลชาตินิยมที่แท้จริง" รัฐบาลนั้นจะเข้ามาร่วมใน "สงครามประชาชนไทยต่อต้านตระกูลฮุน" อย่างเต็มตัว ริเริ่มปฏิบัติการโค่นล้มระบอบฮุนอย่างเป็นระบบ แล้วทำให้เกิด "กัมพูชายุคใหม่ที่ใฝ่สันติและผู้คนมีสติปัญญา" ไม่ว่าจะแทรกแซงโดยตรง หรือสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจในบ้านเมืองนั้น
พูดตรงๆ ก็คือ แม้จะยึดแผ่นดินกัมพูชามาอยู่ในกำมือของไทย "เพื่อรักษาความปลอดภัยของคนไทย" ไม่ได้ แต่เรายังสามารถกำหนด "หลักการทางการเมือง" เพื่อแทรกแซงการเมืองในกัมพูชาแล้วทำให้ "กัมพูชาเป็นรัฐใต้เงาอิทธิพลไทย"
ถึงเวลาที่ไทยต้องมี Doctrine ทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อปกป้องตัวเองแล้ว นั่นคือ "แนวคิดเรื่องควบคุมกัมพูชาให้อยู่ในอำนาจเรา" ไม่ใช่ให้กัมพูชาอยู่เท่าเทียมกับเรา
เช่นเดียวกับที่ไทยแต่โบราณทำกับกัมพูชา คือ แม้จะไม่เอาเป็นเมืองขึ้น แต่ "กรุงเทพฯ ต้องคุมพนมเปญให้ได้" ไม่อย่างนั้นจะเป็นหอกข้างแคร่ที่จ้วงแทงไทยเมื่อมีโอกาส
หากควบคุมกัมพูชาไม่ได้ ประเทศไทยจะไม่มีวันสงบสุข
ทั้งหมดนี้ต้องฝากความหวังไว้กับอนาคต ในวันที่บ้านเมืองมีผู้บริหารประเทศที่ "รักบ้านเมืองเต็มหัวใจจริงๆ"
และต้องฝากพี่น้องชาวไทย ในการเลือกตั้งในอนาคตหากมีพรรคการเมืองใดที่ประกาศจะกำราบตระกูลฮุน ก็ขอให้ผู้มีสิทธิออกเสียงเทใจเลือกกันให้มากๆ เพื่อเชิญคนเหล่านั้นมาเป็น "รัฐบาลปราบกัมพูชา"
หากทำได้ พี่น้องที่ชายแดนไทยจะอยู่อย่างเป็นสุข และดวงวิญญาณผู้สูญเสียในครั้งนี้จะนอนตาหลับไปตลอดกาล
นี่คือ "สงครามยืดเยื้อ" ที่คนไทยสามารถร่วมทำกันได้ ไม่ว่าชายแดนจะยิงต่อหรือไม่ยิงกันแล้วก็ตาม แต่การกำจัดตระกูลฮุนให้หมดไปจากโลก หรืออย่างน้อยให้คนพวกนี้กลายเป็นคนที่โลกไม่ต้องการ คือภารกิจที่จะหยุดไม่ได้
เพราะตราบใดที่ตระกูลฮุนยังครองอำนาจ และตราบใดที่รัฐบาลกัมพูชายังสอนให้ประชาชนเกลียดชังไทย
"ตราบนั้นจะไม่มีสันติภาพถาวรระหว่างสองประเทศ"
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by TANG CHHIN Sothy / AFP