ปชน. เสนอแก้เผ็ด "ฮุน เซน" แนะ รบ. ย้อนเกล็ด ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ
ปชน. เสนอแก้เผ็ด "ฮุน เซน" แนะ รบ. ย้อนเกล็ด ฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ ชี้ชัด เข้าข่าย “อาชญากรรมสงคราม” บัญชาการโจมตีพลเรือนโดยเจตนา กัมพูชาเป็นรัฐภาคีตั้งแต่ปี 2002
วันที่ 26 ก.ค. 2568 พรรคประชาชนออกแถลงการณ์ในหัวข้อ “ข้อเสนอพรรคประชาชนต่อรัฐบาลไทย นำ ฮุน เซน ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศฐานอาชญากรรมสงคราม”
จากสถานการณ์การปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เปิดฉากยิงโดยกองทัพกัมพูชา และมีการโจมตีไม่เลือกหน้าด้วยอาวุธยิงพิสัยไกลต่อเป้าหมายพลเรือน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ร้านสะดวกซื้อ บ้านเรือน จนทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย รวมถึงเด็กและผู้สูงอายุ และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 29 คน
ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียส่วนตัว ยืนยันว่าตนเป็นผู้บัญชาการโจมตีอันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวไทยด้วยตัวเอง
พรรคประชาชนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของฮุน เซน เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม การโจมตีพลเรือนโดยเจตนา ถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างชัดแจ้งในกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งธรรมนูญกรุงโรมแห่งศาลอาญาระหว่างประเทศ มาตรา 8(2)(b)(i) และอนุสัญญาเจนีวา ตามมาตรา 147 ซึ่งนำไปสู่หลักเขตอำนาจศาลสากล (Universal Jurisdiction) ที่อนุญาตให้ทุกรัฐสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
พรรคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ดำเนินการยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อเอาผิด ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
แม้ประเทศไทยจะยังไม่ได้ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรม แต่กัมพูชาเป็นรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศตั้งแต่ปี 2002 ศาลจึงมีเขตอำนาจเหนือคดีได้โดยตรง หากผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชา
รัฐบาลไทยจึงมี 2 ทางเลือกที่สามารถดำเนินการฟ้องร้องได้ คือ
1. ยื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ตามมาตรา 15 เพื่อร้องขอให้เริ่มกระบวนการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Examination)
2. ประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลเฉพาะกรณี ในฐานะรัฐเจ้าของดินแดนที่เกิดเหตุอาชญากรรมสงคราม ซึ่งวิธียี้จะเป็นการแสดงออกทางการเมืองที่เข้มแข็งชัดเจนต่อกัมพูชา ว่าไทยพร้อมปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยใช้กลไกระหว่างประเทศ
พรรคประชาชนยืนยันว่าการดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ ถือเป็นการใช้สิทธิ์ของรัฐผู้ถูกรุกราน ปกป้องสิทธิเสรีภาพของคนไทยโดยใช้กลไกระหว่างประเทศอย่างผู้มีอารยะ โดยหวังว่ากลไกดังกล่าวจะหยุดยั้งผู้นำกัมพูชาจากการโจมตีพลเรือนไทย และนำกัมพูชากลับสู่การเจรจาทวิภาคีเพื่อคืนความปกติสู่ความสัมพันธ์ของสองประเทศในอนาคต