โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

KTC เป็นจังหวะช้อน? 5 วันราคาร่วงแล้ว 27% กูรูประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” มองพื้นฐานแน่น-ปันผลน่าสนใจ

Wealthy Thai

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 27 มิ.ย. เวลา 10.24 น.

ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ปรับตัวลดลงอย่างหนักในช่วง 5 วันที่ผ่านมา โดยวันที่ 27 มิ.ย. 68 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 24.40 บาท ลดลง 4.31% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 4,344.18 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากนับจากช่วง 5 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลดลงแล้ว 27.16% จากระดับ 33.50 บาท ณ วันที่ 23 มิ.ย. 68 โดยคาดว่าปัจจัยที่กดดันราคาหุ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งแรงขายที่เกิดจาก stop loss และ forced sell รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มคุณภาพสินเชื่อของ KTC ซึ่งเน้นปล่อยกู้ในกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะหนี้ครัวเรือนและกำลังซื้อที่ชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ในส่วนของมุมมองนักวิเคราะห์มีมุมมองไปในทิศทางเดียวกัน คือแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KTC โดยมองว่าราคาหุ้น KTC ขณะนี้อยู่ในระดับต่ำมาก เทียบกับมูลค่าทางบัญชีในอนาคต สะท้อนการถูกขายเกินพื้นฐาน ทั้งที่บริษัทยังมีจุดแข็งจากงบดุลแน่น สำรองต่อหนี้เสียสูงถึง 385% รวมถึงมีการจ่ายปันที่น่าสนใจ ด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5% อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง ขณะเดียวกัน กำไรปี 2568 ยังมีแนวโน้มทำจุดสูงสุดใหม่ต่อจากปีก่อน
โดยบทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ แนะนำ “ซื้อ” KTC ด้วยราคาเป้าหมาย 40.00 บาท เพราะ 1) ราคาหุ้น KTC ปรับลงมาซื้อขายที่1.6x เทียบเท่า Forward PBVที่ -2.25SD 2) มีจุดแข็งเรื่องงบดุล โดยเฉพาะสำรองต่อหนี้เสีย (Coverage Ratio) คงระดับสูงราว 385% 3) เงินปันผลน่าสนใจ dividend yield คาดที่ 5% 4) ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง 5) กำไรสุทธิปี 2568 คาดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อจากปี 2567
ทั้งนี้ คาด KTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 1,875 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น +3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +1% จากไตรมาสก่อน เพราะค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง -6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทรงตัวจากไตรมาสก่อน จากช่วงที่ผ่านมามีการตั้งสำรองล่วงหน้าไว้จำนวนมากแล้ว รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์บริหารได้ดี Gross NPL ทรงตัวจากไตรมาสก่อน ทำให้ NPL Ratio อยู่ที่ 2.00% ใกล้กับไตรมาส 1/68 ที่ 1.97%
สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก PPOP ลดลง -2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -2% จากไตรมาสก่อน จาก 1) รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง -1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -1% จากไตรมาสก่อน จาก NIM อยู่ที่ 13.4% ลดลงจากไตรมาส 2/67 ที่ 13.6% จาก portfolio mixed
นอกจากนั้นสินเชื่อรวมลดลง -1% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น -5% จากต้นปีถึงปัจจุบัน จากสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง -1% จากไตรมาสก่อน จากการลดลงหนี้สูญรับคืน 3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น +3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +2% จากไตรมาสก่อน จากค่าใช้จ่ายทางด้าน IT
อย่างไรก็ดี ปรับกำไรสุทธิปี 2568-70 ลงปีละ –7% / -10% และ -13% อยู่ที่ 7,525/ 7,723 และ 8,117ลบ. จาก 1) สินเชื่อรวมต่ำคาด จากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่น้อยลงและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ 2) NIM ต่ำคาดจาก portfolio mixed 3) หนี้สูญรับคืนต่ำคาด จากการตามหนี้ยากขึ้น
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” KTC ด้วยราคาเป้าหมาย 30.00 บาท โดยยังคงชอบ KTC จากความสามารถในการทำกำไรที่สูง (ROA เฉลี่ย 6.7% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา) และมีกำไรที่มีความแน่นอนสูงจากการตั้งสำรองหนี้สูญในระดับสูง หุ้นให้ผลตอบแทนเงินปันผล 5.7% โดยอิงจากอัตราการจ่ายเงินปันผล 50% ความเสี่ยงหลักคือคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอกว่าคาด
ทั้งนี้ ผู้บริหารระบุว่าการดำเนินงานและคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบของปัจจัยพื้นฐาน KTC ยังคงเป้าหมายทางการเงินปี 68 ไม่เปลี่ยนแปลงได้แก่การเติบโตของสินเชื่อ 4-5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และการเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ 10% โดยจะมุ่งเน้นกลุ่มรายได้ปานกลางที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับดี คาดว่า KTC จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกรรมบัตรเครดิตได้ ทั้งนี้ KTC ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกว่า 25,000 ล้านบาท และยังได้รับการจัดอันดับเครดิตสูงสุดในกลุ่มการเงิน (AA)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...