"บิ๊กต๋อง"กำหนดทิศทางการปฏิบัติงานและติดตามสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดน
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.นิพนธ์ บุญเกิด ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ พล.ต.ต.อัทธชนม์ ช่วงงาม ผบก.กค.ภ.3 พ.ต.อ.วชิระพงษ์ แก้วดวง รอง ผบก.สส.ภ.3 เดินหน้านโยบายเชิงรุก นำคณะผู้บังคับบัญชาประชุมร่วมในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อกำหนดทิศทางการปฏิบัติงาน และติดตามสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยมี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, ผู้บังคับการแต่ละจังหวัด, หน่วยงานความมั่นคง และฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าร่วม เพื่อบูรณาการกำลังและทรัพยากรในภารกิจสำคัญร่วมกัน
พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อติดตามสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยเฉพาะจุดเสี่ยงลักลอบเข้า-ออกประเทศ ควบคุมและสกัดกั้นยาเสพติด ที่อาจลำเลียงเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน จัดการกับแรงงานเถื่อน และเครือข่ายนำพาข้ามชาติ ปราบปรามแก๊งพนันออนไลน์และอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ใกล้ชายแดนภาค 3 โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนมีความเปราะบาง เราต้องลงไปให้ถึงจุดปัญหา เห็นของจริงในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาความมั่นคงขยายตัว
โดยพื้นที่ที่ตำรวจภูธรภาค 3 ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ จังหวัดแนวชายแดนไทย–ลาว และไทย–กัมพูชา ซึ่งพบว่ามีความเคลื่อนไหวของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย และการซ่อนตัวของแก๊งอาชญากรรมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยมีมาตรการที่กำลังดำเนินการ ได้แก่ จัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดถาวรและเคลื่อนที่ ตลอดแนวชายแดน ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยความมั่นคงชายแดน ใช้เทคโนโลยี เช่น โดรน กล้องตรวจจับความร้อน และฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดกั้น สืบสวนขยายผลเครือข่ายการเงินและผู้สนับสนุนในพื้นที่ชั้นใน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.วัฒนา กล่าวเน้นย้ำให้ทุกหน่วยยึดแนวทางยุทธศาสตร์ “SEAL – STOP – SAVE” เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ SEAL คือปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ป้องกันการลักลอบ STOP คือหยุดยั้งขบวนการทั้งต้นทาง–กลางทาง–ปลายทาง SAVE คือสร้างความปลอดภัยยั่งยืนให้ประชาชนและชุมชน นอกจากมาตรการเชิงรุกด้านความมั่นคง พล.ต.ท.วัฒนายังเน้นการทำงานร่วมกับผู้นำท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน เพื่อสร้างเครือข่าย “รู้ทัน–รู้แจ้ง–ร่วมเฝ้าระวัง” เพื่อให้การป้องกันภัยชายแดนเป็นพลังร่วมจากทุกภาคส่วน ซึ่งตำรวจภูธรภาค 3 จะเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกในพื้นที่ตะเข็บชายแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมขยายผลสืบสวน จับกุม และยึดทรัพย์เครือข่ายอาชญากรรมทุกประเภท โดยยึดหลัก ปลอดภัยคือหัวใจของงานตำรวจ ประชาชนต้องมั่นใจว่าจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง