สังเวย 3 ชีวิต “บิ๊กทหารเขมร” ตรวจแนวรบพระวิหารไทย-กัมพูชา
ทหารกัมพูชายังคง “ตีมึน” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 2 รอบ ภายหลังการเจรจาหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย ในช่วงกลางดึกวันที่ 29 ก.ค- ต่อเนื่องช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ค. 2568 โดยกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า มีถึง 4 เหตุการณ์ในแนวรบพระวิหาร 4 พื้นที่ คือ ช่องคานม้า , ภูมะเขือ, ผามออีแดง และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย
โดยทั้ง 2 พื้นที่ คือ ช่องคานม้าและภูมะเขือ พบ ทหารกัมพูชามีการกระทำในลักษณะเดียวกัน คือ กัมพูชาได้เพิ่มเติมกำลังเข้ามา และมีการใช้โดรนหรืออากาศยานไร้คนขับบินตรวจการณ์การวางกำลังของทหารไทย พร้อมทั้งใช้ปืนเล็กยิงฝ่าแนวตรวจเข้ามายังฝั่งไทย
ส่วนพื้นที่ผามออีแดง ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุน หรือปืน ค.100 โจมตีเข้ามายังฐานปฏิบัติการฝ่ายทหารไทย แต่ทหารไทยไม่ได้ตอบโต้ เช่นเดียวกับบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ซึ่งทางกัมพูชาได้ส่งกำลังทหารเข้ามาเพิ่มเติมกำลังด้วยเช่นกัน
แม้พื้นที่ 11 จุดยุทธศาสตร์สำคัญ 4 จังหวัด บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศีรษะเกษ และอุบลราชธานี ไล่ตั้งแต่ ภูมะเขือ, ช่องอานม้า ,ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก,โดนตวล สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหารและพลาญยาว ในขณะนี้ กองทัพบกไทย ได้จัดวางกำลังคุมไว้ทั้งหมดแล้วก็ตาม
แต่ทางฝั่งกัมพูชาก็ยังไม่ได้ละความพยายาม ทั้งที่ ๆ ทั้งตระกูล “ฮุน มาเนต -ฮุน เซน” ผู้นำกัมพูชา และะ พล.อ. โปว เฮง ผบ. ภูมิภาคทหารที่ 4 ที่มาประชุมร่วมกับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้คุยกันเพื่อหาข้อสรุปสำคัญ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ชายแดน ที่ตึงเครียดที่ “ช่องจอม” จ.สุรินทร์ เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) ให้หยุดยิง ห้ามเพิ่ม-เคลื่อนกำลังทั้งแนว
มีข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ระบุว่า การที่ทหารกัมพูชาได้สูญเสีย นายทหารระดับผู้นำของกองทัพและระดับภาค อาจส่งผลต่อความโกรธแค้น จึงพยายามหาทางเอาคืนทหารไทยที่ประจำอยู่ในจุดต่าง ๆ
มีรายงานข้อมูลการสูญเสียในฝั่งกัมพูชาว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา พล.ต.ดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 สังกัดกองกำลังภาคพื้นดิน กองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา (RCA) ได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิตที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากเหตุการณ์ปะทะกับทหารไทย โดยทางการกัมพูชา ได้นำร่างของ พล.ต.ดวง ซอมเนียง ไปประกอบพิธีทางศาสนา และพล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้เดินทางไปร่วมพิธี
ต่อมามีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2568 หลังเกิดปะทะอย่างหนักหน่วงระหว่างทหารกัมพูชาและฝ่ายไทยทำให้ พล.อ.สรัย ดึ๊ก รองผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ก็เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารเขมรและไทยด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้กองทัพยังไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริง ขณะที่ฟากฝั่งกอง ทัพกัมพูชาเงียบกริบ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล แต่ในการประชุมร่วมเพื่อหาข้อสรุปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวที่ จ.สุรินทร์ ก็ไม่พบการเคลื่อนไหวของ พล.อ.สรัย ดึ๊ก อีกเลย
สำหรับ พล.อ.สรัย ดึ๊ก เป็นนายทหารเขมรที่คุ้นเคยกับทหารไทยมาตั้งแต่ก่อนปี 2551-2568 และอยู่ในตำแหน่งมายาวนานถึง 20 ปี มีหน้าที่ดูแลทหารป่าและทหารบ้าน และเป็นมือทำงานคนสำคัญให้กับ “ฮุน เซน”
มีรายงานระบุว่า พล.อ.สรัย ดึ๊ก ถูกส่งเขามาประจำการพื้นที่ชายแดนตั้งแต่ยังเป็นทหารยศเล็กๆ และได้รับความไว้วางใจให้ดูแลกำลังพลจากผู้นำกัมพูชาทั้ง “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเนต” มีบ้านพักอยู่ฝั่งตรงข้าม “ช่องอานม้า” และทุกวันจะเข้ามาที่ทำงานที่กองบัญชาการพระวิหาร
นอกจากนี้ยังมีนายทหารอีกคนที่เสียชีวิต คือ พ.อ.จัน มุนี ผบ.กองพันแทรกแซงที่ 8 กองพลแทรกแซงที่ 3
แหล่งข่าวด้านความมั่นคง ระบุว่า การสูญเสียนายทหารระดับผู้ควบคุมและสั่งการคนสำคัญของฝั่งกัมพูชา ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของทหารเขมรจำนวนมาก ขณะเดียวกันยังมีทหารกัมพูชาจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิต และไม่สามารถนำร่างออกจากพื้นที่ หรือนำส่งคืนครอบครัวกลับไปประกอบพิธีได้
การก่อกวนทางฝั่งไทย ด้วยการยิงปืนเล็กยาว หรือ ปืน ค.เข้ามาในหลาย ๆ พื้นที่ดังกล่าว หากวิเคราะห์ในแง่ดี อาจเป็นความต้องการของทหารกัมพูชาที่ยิงเปิดทางเพื่อเข้ามาเก็บร่างผู้เสียชีวิตที่ยังตกค้าง แต่ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ทางฝ่ายไทยก็ต้องส่งกำลังตรึงพื้นที่ให้เต็มพิกัดในระดับสูงสุด และไม่ประมาทฝ่ายตรงข้ามที่ยังคงมีอารมณ์ตกค้าง
ท่ามกลางการเฝ้าระวังระดับสูง หลังกองทัพภาคที่ 2 แจ้งเตือนล่าสุด เมื่อหน่วยงานด้านความมั่นคงได้รับรายงานว่า มีบุคคลต้องสงสัย ซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้เข้ามาถ่ายสถานที่สำคัญในชุมชนทั้งตั้งทหาร และสถานที่ราชการ หลายพื้นที่ และยังใช้โดรนบินเหนือพื้นที่ต้องห้าม ซึ่งอาจเป็นการสอดแนม หรือเป็นการกระทำของสายลับต่างชาติ
ถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายในลักษณะ “ตีสองหน้า” หลังละเมิดข้อหยุดยิงมาถึง 2 รอบของฝั่งกัมพูชา ที่ต้องเฝ้าระวังในระดับสูงสุด แถมยังเดินเกมเร็ว ด้วยการเตรียมเชิญผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร บุคคลอื่น ๆ และสื่อลงพื้นที่ดูความเสียหายจากการสู้รบด้วย
อ่านข่าว
จารึกไว้ในแผ่นดิน สดุดี “15 วีรชนทหารกล้า” ปกป้องแผ่นดินไทย
ภาษากาย “ฮุน มาเนต” ถอดรหัส “ฮุน เซน” ขอบคุณ “ทรัมป์”
ตัดเส้นเลือดธุรกิจ (เทา) กาสิโน แผลลึก "ก๊กอาน-ทักษิณ-ฮุน เซน"