3 ครอบครัว เชิญดวงวิญญาณ เหยื่อจรวดกัมพูชาลงร้านสะดวกซื้อ
วันที่ 30 ก.ค. 68 บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่กระสุนปืนใหญ่ตกลงมาใส่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตจุดนี้ถึง 7 ศพ วันนี้ร้านค้ายังคงเต็มไปด้วยร่องรอยของความเสียหาย กระจก โครงสร้างร้าน รวมไปถึงข้าวของภายในพังเสียหายทั้งหมด เจ้าหน้าที่ยังคงเน้นย้ำไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าไปพื้นที่เสี่ยงด้านในโดยเด็ดขาด เนื่องจากอยู่ระหว่างตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุที่อาจจะตกค้างอยู่ด้านใน ตลอดจนพื้นที่โดยรอบ ทั้งถนนหนทางใกล้เคียงโซนพื้นที่ปั๊มน้ำมัน ยังมีการติดป้ายเตือนห้ามผ่านเส้นทางบางจุด ซึ่งข้อความระบุว่า “อันตราย มีระเบิดยังไม่เก็บกู้” ตามพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ ด้วย
สำหรับวันนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ ได้ทยอยเดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ เบื้องต้นวันนี้ประกอบไปด้วย 3 ครอบครัว ได้แก่ ครอบครัวของนางสาวรุ่งรัศ ประชัน อายุ 40 ปี, เด็กหญิงทักษพร ประชัน อายุ 14 ปี และเด็กชายพงศภัค ประชัน อายุ 8 ปี พร้อมครอบครัวของเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง อายุ 8 ปี และครอบครัวของนางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง อายุ 19 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า บรรดาญาติต่างถือรูปภาพของผู้เสียชีวิต และนำข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ตามความเชื่อมาทำพิธี รวมไปถึงชุดนักเรียนของเด็กๆ น้อยที่เสียชีวิต
ญาติบางคนปาดน้ำตาตลอดเวลา บางคนร้องไห้จนยืนแทบไม่ไหว เพราะต้องมาสูญเสียเสาหลักของครอบครัว บางรายยังเป็นเด็กน้อยที่ยังไร้เดียงสา อย่างแม่ของนางสาวรุ่งรัศ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เป็นลมจนยืนแทบไม่ไหว ร้องไห้จนต้องนั่งลงริมทาง ก่อนเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุลูกและหลานกำลังจะถึงบ้านกันอยู่แล้ว วันนั้นถ้าหลานไม่ไปโรงเรียน ก็คงไม่ตาย ส่วนปลายสายสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ ลูกได้โทรมาบอกว่า “แม่หนูอยู่ปั๊มน้ำมัน เดี๋ยวก็จะออกไปแล้ว” แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงระเบิดดังตุ้ม! ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป แรงจนรับไม่ได้ มันไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนี้ วันนี้สูญเสียทั้งลูกทั้งหลาน ชีวิตมันไม่เหลืออะไรแล้ว จนถึงวันนี้ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง นึกว่ายังฝันอยู่ตลอด
ส่วนสามีของนางสาวรุ่งรัศ ผู้เสียชีวิต ร้องไห้เช่นกัน ก่อนบอกถึงภรรยาและลูกว่า หลังจากนี้ให้กลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพราะเราสร้างอะไรมาด้วยกัน ส่วนตัวอยากเข้ามาทำพิธีให้ตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ ก็ยังไม่ได้เข้ามา วันนี้อยากบอกภรรยาว่าอยากให้ดูแลลูกให้ดี ชีวิตตัวเองและภรรยาที่ผ่านมาไม่เคยห่างกัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด จนเหมือนเป็นชีวิตเดียวกันไปแล้ว หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่ไม่อยากให้มีใครสูญเสียอีกแล้ว
พร้อมย้ำถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าหลังจากนี้ขอให้มีการแจ้งเตือนให้ดีกว่านี้ เพราะหากจุดนี้เป็นพื้นที่อพยพ จะรีบพาครอบครัวออกไปทั้งหมด ไม่คิดว่ามันจะมาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น
ขณะที่ ย่าของนางสาวสาวิตรี พนักงานร้านสะดวกซื้อที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ ได้ร้องไห้ตลอดเวลา เดินออกมาจากจุดเกิดเหตุแทบไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคองเอาไว้ ก่อนเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า “ครั้งนี้มันโหดร้ายมาก เขมรมันจะยิงปืนมันก็ไม่บอก ไอ้ฮุนเซน หลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป หลานต้องมาตาย หลานไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย มันจุกอยู่ในอก กินข้าวไม่ได้ ได้แต่คิดถึงหลาน วันนี้ได้บอกหลานไปว่าจะไปทำบุญให้และจะนำกระดูกมาทำบุญที่บ้านต่อ”
ส่วนครอบครัวของเด็กชายกิตติศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ผู้เป็นแม่ร้องไห้ บอกว่า “วันนี้มารับลูกชาย ไม่ให้อยู่ที่นี่ ลูกชายเป็นลูกคนเล็กของบ้าน ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ อยากให้ลูกหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ตายาย แม่คิดถึงลูกมากๆ พร้อมขออยากให้สถานการณ์จบลงโดยเร็ว ไม่อยากให้มันไปสูญเสียกับใครอีก”
สำหรับการทำพิธีในวันนี้ ยังพบว่าเจ้าของปั๊มได้เดินทางมามอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมไปถึงฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ได้เดินทางมามอบเงินและให้กำลังใจกับบรรดาญาติๆ ด้วย พร้อมเปิดเผยว่า “วันเกิดเหตุในพื้นที่ไม่ได้ประกาศอพยพหรือภัยพิบัติอะไรเลย วันนั้นทางบริษัทส่วนกลาง ก็ยังโทรมาถามอยู่เลย เราก็บอกว่าปลอดภัยดี ยังไม่ได้มีการประกาศใดๆ แต่พอวางสายไป กำลังขับรถออกจากปั๊ม ระเบิดก็ลงมาเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากและทุกคนตกใจกันหมด”
ส่วนตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเราจะได้เยียวยาอะไรหรือไม่ แต่เราคำนึงถึงมากที่สุดตอนนี้ คือ ต้องเยียวยาผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตให้ดีที่สุด
ขณะที่ข้อมูลจากนายสมควร สิงห์คํา นายอำเภอกันทรลักษ์ ระบุว่า หลังจากไทยและกัมพูชาเจรจาหยุดยิงร่วมกันแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการประเมินสถานการณ์จากกองทัพภาคที่ 2 ในการที่ชาวบ้านจะกลับเข้าพื้นที่บ้านของของตัวเอง ซึ่งก็ต้องรอให้มั่นใจในสถานการณ์ก่อนว่ามันคลี่คลายลงแล้ว ก่อนจะมีการเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิดหรือสิ่งที่ตกค้างต่างๆ ด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่ได้รับคำสั่งใดๆ มีเพียงให้ชะลอการเดินทางกลับไว้ก่อน
ส่วนสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่ของ จ.ศรีสะเกษ เบื้องต้นทราบข้อมูลเพียงว่ายังมีการปะทะอยู่ที่ภูมะเขือ เป็นปืนเล็กจากทางกัมพูชา ซึ่งในช่วงเช้าก็ยังมีอยู่ ลักษณะเป็นการยิงยั่วยุ.