โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

ทันหุ้น

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways Up ในกรอบ 1,210-1,230 จุด โดยได้อานิสงส์จากการหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา และสหรับฯ-ยุโรปที่บรรลุข้อตกลงทางการค้าแล้ว อย่างไรก็ตามปัจจัยถ่วงวันนี้อาจมาจาก DELTA ที่ประกาศกำไรสุทธิ 2Q25 ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้า ขนส่ง อาจถูกกดดันจากราคาน้ำมันและ Dollar Index ที่ปรับตัวขึ้น

เราประเมินว่าประเด็นการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชาที่คลี่คลายขึ้นจะหนุนหุ้นที่มีธุรกิจในกัมพูชาให้ฟื้นตัวได้ รวมถึงทำให้โอกาสที่ไทยจะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. มีมากขึ้น โดยยังคาดหวังว่าจะได้ลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าลงจาก 36% เหลือราว 20% ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง

นอกจากนี้ล่าสุดแกว่งตัวสร้างฐานระยะสั้นบริเวณ 1,200+- จุด ชะลอความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้นเด่นทรัมป์ยังระบุว่าจะเรียกเก็บภาษีพื้นฐานในอัตรา 15-20% จากประเทศที่ยังไม่ได้ข้อตกลง ซึ่งแม้จะเพิ่มขึ้นจาก 10% ที่เคยเก็บตั้งแต่เดือน เม.ย. แต่ยังถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่เคยประกาศ ทำให้ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจอาจน้อยกว่าที่ตลาดเคยกังวล

ส่วนปัจจัยที่คาดว่าจะมีน้ำหนักมากขึ้นคือการทยอยประกาศกำไร 2Q25 บจ. ซึ่งภาพรวมคาดว่าจะชะลอตัวเล็กน้อยทั้ง q-q และ y-y และต้องติดตามว่าจะเห็นการปรับประมาณการ EPS ของ SET ลงเพื่อสะท้อนแนวโน้มการเติบโตช่วง 2H25 ที่ไม่แน่นอนและอาจชะลอตัวมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญทั้งสหรัฐฯ ยุโรป รวมถึงการประชุม FED สัปดาห์นี้

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่คาดกำไร 2Q25 แข็งแกร่ง มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : ITC, KCE, NEO, OSP, SCGP

FSSIA Portfolio : BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON

หุ้นเด่นวันนี้ : SAV

• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 20.94 บาท

• ระยะสั้นคาดได้ Sentiment บวกหนุนราคาหุ้นให้ฟื้นตัวหลังไทย-กัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ขณะที่ด้านการดำเนินงานของธุรกิจไม่ถูกกระทบ

• ตลาดคาดกำไร 2Q25 ที่ราว 126 ลบ. ชะลอตัว -11% q-q แต่ยังเติบโตดี +8% y-y โดยยังได้อานิสงส์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาค ราคาหุ้นปรับตัวลงทำให้ปัจจุบันเทรด 2025PER ราว 13.9 เท่า และคาด Dividend Yiled ราว 4-5% ต่อปี

• แนวรับ 11.30-11.20 บาท แนวต้าน 12.50//13.50-14 บาท

ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET 1,200 – 1,210 แนวต้าน 1,220 – 1,230 คาดได้ปัจจัยหนุนจากการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย – กัมพูชา และคาดไทยจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐในอัตราภาษีที่ใกล้กับประเทศในกลุ่มอาเซียน แนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว เช่น ADVANC,SCC,CPF คาดกำไร Q2/68 ยังขยายตัวได้ดี/ เก็งกำไร CBG,OSP,SAV หลังไทย – กัมพูชาเจรจาหยุดยิง

CKP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.92 บาท) ผลประกอบการ 1Q68 มีกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท ลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่พลิกจากขาดทุนใน 1Q67 ซึ่งดีกว่าคาด ขณะที่ 2Q68-3Q68 กำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ จากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนน้ำงึม 2 (NN2) และปริมาณน้ำโขงที่ไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรีเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ส่งผลให้ภาพรวมปี 68 กำไรอิงจาก consensus ของตลาดจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 1.7 พันล้านบาท (+26%YoY) โดยคาดหวังว่าจะไม่มีการหยุดผลิตไฟฟ้าของโครงการไซยะบุรีเหนือนกับปีก่อน ขณะที่ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง

KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.13 บาท) แม้กำไร 2Q68 มองอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่มีโอกาสที่ YoY จะยังโตได้ดีหนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ลบ.(+10%YoY) และ 517 ลบ.(+16%YoY)

ขณะที่ บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ผันผวนจากปัจจัยใหม่คือกัมพูชา และคาดจะรู้ผลเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นได้ทั้งบวกและลบ โดยตลาดหุ้นไทย จะกลับมาซื้อขายท่ามกลางความกังวลในเรื่องกัมพูชา แม้ปัจจัยชี้นำตลาดตัวหลัก ยังเป็นผลการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐฯ และผลการเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนและอียู และมีการเข้ามาเก็งงบ 2Q คาดกรออบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ไว้ที่ 1200-1230 จุด

• ตลาดสหรัฐฯ ปิดสัปดาห์ที่ผ่านมาในแดนบวก โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ทำสถิติสูงสุดใหม่ใกล้ระดับ 6,400 จุด (+1.4% wow) แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งและความหวังเรื่องข้อตกลงการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนี VIX ซึ่งเป็นมาตรวัดความผันผวนของตลาด ปิดต่ำกว่าระดับ 15 สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน แม้จะมีความกังวลเรื่องราคาสินทรัพย์ที่สูงเกินไป……. ตลาดต่างประทศสัปดาห์นี้ จะได้อานิสงค์จากภาษีอียู ที่จบไปที่ 15% และสหรัฐฯยืดเวลาในเรื่องภาษีให้จีนต่อไปอีก 90 วัน (แสดงว่าคุยกันรู้เรื่องแล้ว)

• สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แม้จะหยุดยิง แต่หากมีการกลับมายิงกันต่อ(ในอนาคต) จนกระทั่งกระทบกับการเมืองประเทศไทย จะส่งผลบมากต่อความมั่นคงของรัฐบาลและประเทศ … นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุนหุ้นที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา รวมถึงธุรกิจที่อยู่จังหวัดชายแดน อาทิหุ้นโรงพยาบาล นิคมฯ และ ธุรกิจผลิตน้ำมัน (PTTEP) ที่อาจเสียโอกาสในการผลิตน้ำมันในเขตทับซ้อน

• ผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ จะได้เห็นเงื่อนไขและตัว Tariffs ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนเส้นตายบังคับใช้ 1 ส.ค. ทีมไทยแลนด์เข้าหารือกับกับ USTR อีกครั้งเมื่อคืนศุกร์ที่ผ่านมา…. ถ้าผลการเจรจาออกมาดูดี คาดไทยจะได้ข้อตกลงอัตราภาษีที่พอๆ กับฟิลิปปินส์ อินโดฯ เวียดนาม (19-20%)

• ติดตามความคืบหน้าคดีการบังคับใช้ภาษีนำเข้าทั่วโลกของทรัมป์ จะมีความผิดหรือไม่ ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เตรียมนัดไต่สวนคดี 31 ก.ค.นี้ โดยคาดศาลฯ จะมีคำตัดสินช่วงเดือนส.ค. เป็นต้นไป การบังคับใช้ถาษี 1 ส.ค.นี้จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าคำตัดสินของศาลฯ จะออกมาว่ามีความผิด จึงจะมีการยกเลิกถาษีดังกล่าวได้

• สัปดาห์นี้จะมีการประชุม FOMC ในวันที่ 29-30 ก.ค. คาด Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% โดยจาก Dot Plot ในการประชุมเดือน มิ.ย. ชี้ให้เห็นว่ากรรมการ Fed มองดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมของปีนี้ควรอยู่ในช่วง 3.75-4.00% หลังการประชุมนี้ Fed จะเหลือการประชุมอีก 3 ครั้ง (16-17 ก.ย., 28-29 ต.ค., 9-10 ธ.ค.) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% อาจเกิดขึ้นในการประชุมครั้งเดียวหรือ 2 ครั้งภายในปีนี้

• 31 ก.ค.นี้ วันสุดท้ายการส่งคำชี้แจงคดีคลิปเสียงฮุน เซน ของนายกฯ หลังจากขอเลื่อนมาประมาณ 15 วัน หลังส่งคำชี้แจงแล้ว คาดผลการตัดสินของศาลฯ จะออกช่วงกลางเดือนส.ค. พร้อมๆ กับคดี ม.112 และคดี รพ. ตำรวจชั้น 14 ของนายทักษิณ …. ตลาดหุ้นจะกลับมาถูกกดดันอีกครั้งในช่วงที่ศาลฯ ตัดสินคดีสำคัญเหล่านี้

• DAOL ประเมินกำไรตลาด 2Q/25 ไว้ที่ 2.4 แสนล้านบาท -5% YoY; -13%qoq (1Q/25 ที่ 2.82 แสนล้านบาท) …. สัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบฯ ของหุ้นกลุ่ม SCC, SCGP รวมถึง GLOBAL, HMPRO, BH, ITC

• Event สัปดาห์นี้ : GDP 2Q/25 ของสหรัฐฯ(30), การประชุม FOMC(29-30), การประชุม BOJ(30-31), PMI จีน เดือน ก.ค.(31), PCE สหรัฐฯ เดือนมิ.ย.(31), ตัวเลขเคลมการว่างงานสหรัฐฯ(31), การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ(1), อัตราว่างงานสหรัฐฯ(1)

Technical : BCH, KAMART

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

MST ไตรมาส 2/68 กำไร 2 ลบ. -95% รายได้ค่านายหน้าลดลง 14%

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

UOBAMเสิร์ฟกองบอนด์ มุ่งลงทุนพันธบัตรรัฐญี่ปุ่น

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

BSRC แต่งตั้ง “อนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล” นั่ง CEO มีผล 1 ส.ค.68

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

30 ก.ค. สหรัฐฯ เผยนโยบายคริปโตใหม่ อาจดัน BTC เป็นสินทรัพย์ชาติ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ต้องทำกำไรเท่าไหร่ ให้กลับมาเท่าทุน?

FinSpace

SCGP โชว์กำไร Q2/68 แตะ 1,010 ล้าน เดินเกมรุกแพ็กเกจจิ้งอาเซียน ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่ผลิต

StockRadars

11 หุ้น “โรบอทเทรด” คึก! แรงซื้อ TOP ดันราคาปิดพุ่ง 8%

ข่าวหุ้นธุรกิจ

TFG ลุยขยาย “ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต” แตะ 600 สาขา หนุนรายได้ปี 68 โต 15%

StockRadars

ราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้ 30 ก.ค. เช็กราคาเบนซิน-ดีเซล-แก๊สโซฮอล์ ล่าสุดที่นี่

The Bangkok Insight

“ศุภชัย” เสนอใช้เทคโนโลยี–เจรจาอย่างจริงใจ แก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา

สยามรัฐ

MST ไตรมาส 2/68 กำไร 2 ลบ. -95% รายได้ค่านายหน้าลดลง 14%

ทันหุ้น

“found ช้อปฟิน IN JK” ประกาศผลผู้โชคดีรอบแรก ลุ้นฟินบินญี่ปุ่น–เกาหลี ฉลองครบรอบ 1 ปี found & found

สยามรัฐ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...