บุกรวบปลัดอำเภอ กินหัวคิวบัตรชมพู
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 2.22 น. • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทเชียงใหม่ 30 มิ.ย. – เจ้าหน้าที่บุกรวบปลัดอำเภอ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาเชียงใหม่ หลังถูกร้องเรียนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมทำบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทยเกินจริง เกือบ 3 ปี รวมเงินส่วนต่างกว่า 3 ล้านบาท
ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ร่วมกันเข้าจับกุมนายบุญญฤทธิ์ ปลัดอำเภอสันทราย เชียงใหม่ ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาเชียงใหม่ ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในข้อหาฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยจับกุมตัวได้ที่ศูนย์บริหารการทะเบียน สาขาเชียงใหม่ ที่อำเภอดอยสะเก็ด
หลังก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. ได้รับร้องเรียนจากนายหน้าแรงงานต่างด้าว ที่นำแรงงานต่างด้าวเข้าไปทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือบัตรสีชมพู ที่ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งกำหนดค่าธรรมเนียมการออกบัตรไว้ 60 บาท และค่าขอคัดสำเนาฉบับละ 20 บาท แต่ปลัดอำเภอรายนี้เรียกเก็บรายละ 200 บาท และหากตัวแทนนายหน้าไม่จ่ายตามจำนวน จะไม่ได้คิวนัดในการทำบัตรหรือได้ล่าช้า โดยพบว่าตั้งแต่นายบุญญฤทธิ์ ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารทะเบียนในช่วงเกือบ 3 ปี มีแรงงานต่างด้าวทำบัตรกว่า 30,000 คน รวมเงินส่วนต่างจากค่าธรรมเนียมกว่า 3 ล้านบาท
พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ์ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่นำตัวนายบุญญฤทธิ์ ไปตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มที่บ้านพักย่านอำเภอสันทราย ยึดของกลางเป็นเงินสดกว่า 1,200,000 ล้านบาท สมุดบัญชี 6 เล่ม โฉนดที่ดินอีก 5 แปลง จึงอายัดไว้ตรวจสอบเพื่อหาเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่ โดยผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเงินมรดกของครอบครัว
ขณะที่นายบุญญฤทธิ์ บอกกับสำนักข่าวไทยเพียงสั้นๆ ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ แค่บอกว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการ
พลตำรวจตรีจรุญเกียรติ์ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ร่วมกันแถลงการณ์จับกุมในคดีนี้ โดยบอกว่าตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจมีพยานหลักฐานแน่นหนา และกำลังขยายผลตรวจสอบว่ามีผู้อื่นร่วมขบวนการด้วยหรือไม่.-สำนักข่าวไทย