ค่าเงินบาททรงตัว จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ
ค่าเงินบาททรงตัว นักลงทุนจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568
ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (30/6) ที่ระดับ 32.57/58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27/6) ที่ระดับ 32.60/61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ (27/6) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Geadline PCE) ซึ่งนับรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2.2% ในเดือน เม.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานและเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.6% ในเดือน เม.ย.
นอกจากนี้ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60.7 ในเดือน มิ.ย. สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 60.5 จากระดับ 52.2 ในเดือน พ.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการทำสงครามการค้าหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่อนผันการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อประเทศคู่ค้าออกไปเป็นเวลา 90 วัน
อย่างไรก็ตามบรรดานักลงทุนยังคงจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐ ในสัปดาห์นี้เพื่อประเมินหาทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ส่งสัญญาณชะลอตัวลง รวมถึงประเด็นการเมืองสหรัฐที่กำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณ
อีกทั้งตลาดยังคงรอติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับบรรดาประเทศคู่ค้าหลังจากนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวเมื่อวันศุกร์ (27/6) ว่า ข้อตกลงการค้าหลายฉบับที่รัฐบาลทรัมป์ดำเนินการร่วมกับประเทศต่าง ๆ อาจเสร็จสิ้นได้ภายในวันแรงงานของสหรัฐ ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ก.ย. 2568
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ (30/6) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน พ.ค. ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอตัวลง
ขณะที่จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สศค.ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังยังเปิดเผยอีกว่า ดัชนความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (Thailand Regional Economic Sentiment Index : RSI) ประจำเดือน มิ.ย. สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ขยายตัวโดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออก
โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มความเชื่อมั่นภาคการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ไทยยังคงต้องติดตามความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองจากทั้งในและนอกประเทศที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค. ชะลอตัวจากเดือนก่อน โดยภาคอุตสาหกรรมลดลงจากการเร่งผลิตในช่วงต้นปีและการซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน
ขณะที่รายรับจากการท่องเที่ยวหดตัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเดินทางไกลที่ลดลง โดยภาพรวมเศรษฐกิจยังคงเผชิญแรงกดดันจากการชะลอตัวของการท่องเที่ยว ส่งออก และปัจจัยเสี่ยงภายนอกและภายใน ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.46-32.63 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 32.48/49 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (30/6) ที่ระดับ 1.1732/33 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27/6) ที่ระดับ 1.1715/17 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร วันนี้ (30/6) สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรนีเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้วปรับตัวลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.3% โดยนับเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือน เม.ย.ที่ปรับตัวลดลง 0.6%
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1714-1.1750 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1719/20 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (30/6) ที่ระดับ 144.37/38 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (27/6) ที่ระดับ 144.36/38 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ วันนี้ (30/6) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) เปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเดือน พ.ค. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนหลังจากที่หดตัว 1.1% ในเดือน เม.ย. จากการเพิ่มขึ้นของเครื่องจักรการผลิต
ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 143.79-144.31 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ 144.20/21 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนี CPI เดือน มิ.ย. ของยูโรโซน (1/7), ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน มิ.ย.ของสหรัฐ (1/7), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน พ.ค.ของสหรัฐ (1/7), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน มิ.ย. จากสถาบัน ADP ของสหรัฐ (2/7), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ (3/7), อัตราว่างงานเดือน มิ.ย. ของสหรัฐ (3/7), รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือน มิ.ย. ของสหรัฐ (3/7), และดัชนี PMI ภารการบริการเดือน มิ.ย.ของสหรัฐ (3/7)
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -8.0/-7.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.8/-5.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ค่าเงินบาททรงตัว จับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net