เจาะลึกดีล อิซัค-เอกิติเก้, นิวคาสเซิ่ล-ลิเวอร์พูล
เดิมที นิวคาสเซิ่ล หมายมั่นจะคว้า เอกิติเก้ จาก ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เพื่อมาจับคู่กับศูนย์หน้าสวีดิช ทว่าเรื่องมันเปลี่ยนไป เมื่อ ลิเวอร์พูล เข้ามา
ลิเวอร์พูล แสดงความสนใจ อิซัค ชัดเจน และพร้อมทุ่มเม็ดเงินก้อนโตเพื่อคว้าตัวไปเสริมแนวรุก แต่หากคว้าตัวไม่ได้ พวกเขาก็จะเบนเป้าไปหา เอกิติเก้ ซึ่งเป็นเป้าหมายของ นิวคาสเซิ่ล
อย่างไรก็ตาม ท่าทีฝั่ง นิวคาสเซิ่ล ยังหนักแน่น คือ อิซัค ไม่ได้มีไว้ขาย สำหรับพวกเขา อิซัค ไม่ใช่แค่นักเตะที่มีศักยภาพสูง แต่คือศูนย์กลางแห่งความหวัง เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของทีมตั้งแต่ยุค อลัน เชียเรอร์ และถูกยกย่องว่าก้าวขึ้นสู่ระดับโลกไปแล้ว
ท่ามกลางกระแสข่าวย้ายทีมที่ออกมา ไม่มีเหตุผลใดที่จะปล่อยเขาออกไป เพราะ นิวคาสเซิ่ล ได้สิทธิ์กลับไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า และ อิซัค เองก็ไม่เคยเอ่ยปากว่าต้องการอำลาทีม
สัญญาที่มีอยู่ถึงปี 2028 ทำให้ นิวคาสเซิ่ล ไม่มีความกดดันที่จะต้องขายเขาออกไป และพวกเขายังวางแผนเสนอสัญญาฉบับใหม่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการถูกดึงตัวในอนาคต
นอกจากนี้ นิวคาสเซิ่ล ยังอยู่ในสถานะทางการเงินที่มั่นคงภายใต้กฎ PSR (Profitability and Sustainability Rules) ทำให้สามารถต่อรองในตลาดนักเตะได้อย่างแข็งแกร่ง
ถึงกระนั้น ความสนใจจาก ลิเวอร์พูล นั้นจริงจังมาก พวกเขาติดต่อ นิวคาสเซิ่ล เพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการดึงตัว อิซัค ด้วยค่าตัวราว 120 ล้านปอนด์ แม้จะยังไม่มีการยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการ แต่ก็สะท้อนถึงความตั้งใจที่ต้องการเสริมเกมรุกอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์สูญเสีย ดีโอโก้ โชต้า อย่างน่าเศร้า จึงจำเป็นต้องมองหากองหน้าตัวเป้าเข้ามาเติมเต็มแนวรุกทันที
ลิเวอร์พูล ตระหนักดีว่าการเซ็นสัญญา อิซัค จะต้องเป็นดีลที่ยกระดับทีมได้จริง ภายใต้ปรัชญาใหม่ของเฮดโค้ช อาร์เน่อ ที่เน้นเกมรุกที่มีความเร็วและใช้ประโยชน์จากการทรานซิชั่น (รับเป็นรุกเร็ว)
อิซัค คือคนที่เหมาะสมทุกประการ เขายิงได้ 27 ประตูจาก 42 เกมในฤดูกาลล่าสุด ช่วยให้ นิวคาสเซิ่ล จบอันดับ 5 คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ และซิวตั๋วยุโรปถ้วยใหญ่ได้สำเร็จ
ไม่เพียงแค่จำนวนประตูที่โดดเด่น อิซัค ยังมีคุณลักษณะเฉพาะที่หาได้ยาก เขาสูงถึง 193 เซนติเมตร แต่กลับมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ครองบอลดี เลี้ยงหลบคู่แข่งได้สบาย และจบสกอร์ได้ทั้งสองเท้า
เขายังอันตรายมากในจังหวะสวนกลับ โดยมีเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เท่านั้นที่สร้างค่า xG (ค่าคาดการณ์ที่จะเป็นประตู) จากสถานการณ์สวนกลับได้มากกว่า
สไตล์ของ อิซัค จึงสอดรับกับแนวทางการเล่นของ ลิเวอร์พูล ในยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ การประสานงานกับ ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ และ โคดี้ กัคโป ในแนวรุกอาจทำให้ทีมของ อาร์เน่อ กลายเป็นฝันร้ายสำหรับแนวรับฝั่งตรงข้าม
ขณะเดียวกัน นิวคาสเซิ่ล เองก็กำลังพิจารณาการเสริมทัพด้วยการไล่ล่าตัว อูโก้ เอกิติเก้ กองหน้าชาวฝรั่งเศส ที่ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ตั้งค่าตัวไว้ 100 ล้านยูโร (85 ล้านปอนด์) และพวกเขาเองก็เคยพยายามที่จะดึง เอกิติเก้ มาแล้ว 2 ครั้งตั้งแต่สมัยอยู่ แร็งส์
นิวคาสเซิ่ล ยื่นข้อเสนอให้ แฟร้งค์เฟิร์ต ไปแล้วที่ตัวเลขใกล้ ๆ 80 ล้านยูโรแต่ถูกปฏิเสธกลับมา
แม้เดิมที นิวคาสเซิ่ล วางแผนใช้งาน อิซัค และ เอกิติเก้ เล่นร่วมกันในฤดูกาลหน้า แต่หากข้อเสนอจาก ลิเวอร์พูล ยื่นมาอย่างเป็นทางการ และตัวนักเตะแสดงความสนใจที่จะย้าย ความเปลี่ยนแปลงก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะมันยังมีเรื่องประโยชน์ทางบัญชีที่จะได้กลับมา
อิซัค ถูกบันทึกในบัญชีของ นิวคาสเซิ่ล ไว้ราว 34 ล้านปอนด์(สัญญาเหลืออีก 3 ปี) หากขายที่ 120 ล้านปอนด์ สโมสรจะได้กำไรประมาณ 80 ล้านปอนด์ (เรอัล โซเซียดาด จะได้ส่วนแบ่ง 10% จากกำไรที่ นิวคาสเซิ่ล ได้) ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ตัวเลขทางการเงินภายใต้กฎ PSR ได้อย่างมาก
รายได้จากการขายจะถูกบันทึกเข้าทันที ขณะที่ค่าซื้อ เอกิติเก้ จะถูกเฉลี่ยตลอดสัญญา การเคลื่อนไหวแบบนี้จะเพิ่มงบประมาณการเสริมทัพได้ถึง 74.6 ล้านปอนด์
แต่ถึงจะเป็นผลประโยชน์ทางการเงิน นิวคาสเซิ่ล ก็รู้ดีว่าการเสีย อิซัค ไปจะกระทบจิตใจของแฟนบอลอย่างรุนแรง เขาคือความหวังของทีม และถูกยกให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
การนำ เอกิติเก้ มาแทน แม้จะมีพรสวรรค์ แต่ยังขาดประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก และอาจต้องใช้เวลาปรับตัว
ที่สำคัญที่สุด นิวคาสเซิ่ล ยังคงแน่วแน่ พวกเขาไม่เปิดรับข้อเสนอใด ๆ เว้นแต่จะเป็น อิซัค เองที่ขอย้าย ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีสัญญาณเช่นนั้นชัดเจน
สำหรับ ลิเวอร์พูล การเดินหน้าทุ่มเงินคว้า อิซัค อาจเป็นดีลที่เปลี่ยนฤดูกาลได้เลย หากพวกเขาปล่อย ดาร์วิน นูนเญซ ออกไป (นาโปลี ไม่เอาแล้ว เพราะได้ ลอเรนโซ่ ลุคก้า เข้ามา)
เงินจากการขายอาจถูกหมุนมาใช้สำหรับ อิซัค โดยตรง และเมื่อมองไปยังขุมกำลังที่เริ่มลงตัว การเติมเต็มจิ๊กซอว์ชิ้นนี้อาจทำให้ ลิเวอร์พูล ยกระดับสู่ความสมบูรณ์แบบอีกครั้ง
…
อิซัค คือกองหน้าตัวเป้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง และพรสวรรค์ด้านเทคนิคที่ยอดเยี่ยม เขาครองบอลดี เลี้ยงบอลคล่องแคล่าว ยิงประตูได้ทั้งสองเท้า
เขาพิสูจน์ตัวเองใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว ด้วยผลงาน 44 ประตูตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา แม้จะมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเรื้อรังให้เห็นบ้างในช่วงไม่กี่ปีหลัง แต่เขาก็ยังลงเล่นในลีกเกิน 1,500 นาทีมาแล้วถึง 6 ฤดูกาล
โดยฤดูกาลแรกกับ นิวคาสเซิ่ล เขาเคยพลาดลงเล่นไปถึง 107 วันจากอาการบาดเจ็บต้นขา และยังมีปัญหาขาหนีบ นิ้วเท้าหัก รวมถึงเอ็นร้อยหวายในฤดูกาล 2024-25 อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นกองหน้าระดับแถวหน้าของลีกสูงสุด อังกฤษ
เอกิติเก้ มีสไตล์การเล่นคล้ายคลึงกับ อิซัค ในบทบาทกองหน้าหมายเลข 9 เขาอายุน้อยกว่าเกือบสามปี และแม้จะมีรูปร่างผอมเพรียวแต่สูงถึง 190 ซม. เขาก็สามารถพาบอลไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในการเล่นเกมโต้กลับที่เร็วและเด็ดขาด สามารถลงต่ำหรือขยับออกด้านข้างเพื่อรับบอลคล้าย อิซัค
เอกิติเก้ ยิงได้ 8 ประตูจากในกรอบ 6 หลาในฤดูกาลที่ผ่านมา เท่ากับที่ อิซัค ทำได้ในลักษณะนี้ และมีจังหวะประสานงานรอบกรอบเขตโทษที่เฉียบคม สไตล์ของเขาน่าจะเหมาะกับระบบของ เอ็ดดี้ ฮาว ที่เน้นการเปลี่ยนผ่านเร็วและเกมรุกสัญชาตญาณ รวมถึงการมีส่วนร่วมในเกมรับ
อย่างไรก็ตาม เอกิติเก้ ยังไม่ใช่นักเตะที่สมบูรณ์แบบ ยังมีจุดอ่อนเรื่องการตัดสินใจยิงประตู ซึ่งมักไม่เฉียบคมนัก แม้จะทำได้ 15 ประตูใน บุนเดสลีกา แต่จากสถิติแล้ว โอกาสที่ได้รับควรทำให้เขายิงได้มากกว่านี้ถึง 6.6 ประตู
นอกจากนี้ แม้จะเคยมีอาการบาดเจ็บหนักแค่ครั้งเดียว (เอ็นร้อยหวายในปี 2021-22) แต่การเล่นยังไม่ได้มีมากนักโดยเพิ่งลงเล่นเกิน 1,500 นาทีในลีกเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้น
…
สิ่งที่ยังต้องติดตามคือ การตัดสินใจของ อิซัค เองว่าเขาพร้อมจะก้าวออกจากบทบาทฮีโร่แห่ง เซนต์ เจมส์พาร์ค รึเปล่า หรือจะเลือกอยู่ต่อเพื่อพา นิวคาสเซิ่ล ลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก และเดินหน้าสร้างตำนานในสีเสื้อนี้ต่อไป
ส่วน ลิเวอร์พูล หากไม่ได้ตัว อิซัค มา พวกเขาก็พร้อมที่จะเปิดศึกชิง เอกิติเก้ ไปพร้อม ๆ กับ นิวคาสเซิ่ล น่ะแหละ
HOSSALONSO