ทำไม? เด็กที่เกิดใน 3 ช่วงเวลานี้ ถึงเรียกว่า “ลูกนำโชค” พ่อแม่ก็สุขตามไปด้วย!
ไม่ใช่เรื่องงมงาย? เด็กที่เกิดใน 3 ช่วงเวลานี้ เรียกว่า “ลูกนำโชค” พ่อแม่ก็มีความสุขตามไปด้วย!
คำว่า “ความสุข” ไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดที่เป็นนามธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพอารมณ์ที่เป็นรูปธรรมอีกด้วย ในฐานะพ่อแม่ ทุกคนต่างปรารถนาให้ลูกๆ โชคดี เปี่ยมด้วยพร แวดล้อมด้วยสิ่งดีๆ และความสงบสุข งานวิจัยทางประสาทวิทยาแสดงให้เห็นว่า เมื่อพ่อแม่จินตนาการถึงอนาคตที่สดใสของลูกๆ สมองที่เกี่ยวข้องกับโชคจะถูกกระตุ้น คำว่า "พร" จึงไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงนามธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของอารมณ์ความรู้สึกอีกด้วย
แล้วอะไรคือ 3 ช่วงเวลาการเกิดมาของทารกที่เรียกว่า “เด็กนำโชค” หรือ "ลูกบุญ" ล่ะ? ตามรายงานของเว็บไซต์ SOHA ระบุไว้ว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความเชื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในทางวิทยาศาสตร์ด้วย
เกิดในวัยเจริญพันธุ์ที่เหมาะสมของพ่อแม่
โดยปกติแล้ว อายุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้หญิงในการมีลูกคือ 23-35 ปี ส่วนผู้ชายคือ 25-40 ปี ในช่วงวัยนี้ พ่อแม่จะมีพละกำลัง พลัง และจิตวิญญาณที่แข็งแรงสมบูรณ์ ส่วผลให้ลูกได้รับพันธุกรรมที่ดีและพัฒนาอย่างแข็งแรง ไม่เพียงเท่านั้น คุณแม่ยังฟื้นตัวทางร่างกายได้เร็วกว่า ขณะที่ปู่ย่าตายายก็มักจะอยู่ในช่วงอายุ 50 กว่าๆ หรือเพิ่งเกษียณอายุ จึงมีสุขภาพแข็งแรงและมีเวลาดูแลลูกหลาน
การคลอดบุตรในช่วงนี้ยังทำให้การวางแผนการมีบุตรคนที่ 2 มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากคุณแม่หลายๆ คนที่คลอดบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 35 ปี ซึ่งเมื่อต้องการมีลูกคนที่สอง พลังงานและความพร้อมทางสุขภาพร่างกายของพวกเธอจะไม่เพียงพออีกต่อไป
เกิดขึ้นเมื่อเศรษฐกิจครอบครัวมั่นคง
เด็กที่เกิดในช่วงที่ครอบครัวมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคง จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างทั่วถึง และให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษาและการพัฒนา เมื่อครอบครัวอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ทุกคนในครอบครัวจะมีพลังบวกและอารมณ์ดี พ่อแม่มักเชื่อว่าลูกจะนำพาโชคลาภมาให้ จึงรักและทุ่มเทให้กับลูกมากขึ้น
เด็กที่เกิดใน “เดือนฉลาด”
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละปีมีสองช่วงเวลาที่เรียกว่า "เดือนแห่งปัญญา" หากเด็กเกิดในช่วงเดือนเหล่านี้ มีโอกาสสูงที่ลูกจะได้รับพร และแม่ก็จะ "ได้รับประโยชน์" เช่นกัน
มีนาคม-พฤษภาคม : เด็กที่เกิดในช่วงนี้มักจะมีความสูง น้ำหนัก และสติปัญญาที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าเป็น "ช่วงพีคของสติปัญญา" เนื่องจากเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิในหลายประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่างเจริญเติบโต เด็กๆ จึงได้รับการพาออกไปข้างนอกแต่เช้า สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ แสงแดดอ่อนๆ สมองของเด็กจะได้รับการกระตุ้น สร้างการเชื่อมโยงของระบบประสาท และพัฒนาความสามารถใหม่ๆ
นอกจากนี้ การตั้งครรภ์ของทารกเหล่านี้ตรงกับเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ผลไม้และผักฤดูร้อนมีมาก คุณแม่มีความอยากอาหารที่ดีและดูดซึมสารอาหารได้ดี ซึ่งทำให้ทารกมีพัฒนาการที่สมบูรณ์
กันยายน–ตุลาคม : จากการวิจัยของนักวิชาการฮาร์วาร์ดและอังกฤษ พบว่าเด็กที่เกิดในช่วงนี้มักมีสติปัญญาและอารมณ์ดีด้วย นี่คือช่วงเวลาที่การตั้งครรภ์ทารกมีพัฒนาการมากที่สุด อีกทั้งการคลอดลูกในช่วงที่อากาศเย็นสบาย คุณแม่รู้สึกสบายตัว น้ำนมอุดมสมบูรณ์และมีคุณค่าทางโภชนาการ เมื่อทารกเข้าสู่ช่วงคลาน คือเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของปีถัดไป อากาศอบอุ่น เหมาะแก่การออกกำลังกายและพัฒนาการทางร่างกาย
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้เสมอคือที่จริงแล้วการที่ลูกจะ "ได้รับพร" หรือไม่นั้น ส่วนใหญ่แล้วขึ้นอยู่กับตัวพ่อแม่เอง สุขภาพ ความรู้ บุคลิกภาพ และสติปัญญาของพ่อแม่ ล้วนส่งผลโดยตรงต่ออนาคตของลูก
พ่อแม่คือ “ฮวงจุ้ย” ของลูก… จุดเริ่มต้นของพ่อแม่คือขอบเขตจุดเริ่มต้นของลูก บางคนเกิดมาเพื่อเป็นพ่อแม่ที่อ่อนโยน เข้าใจลูก และสามารถถ่ายทอดความเข้มแข็งและคุณค่าที่ดีให้กับลูกได้ แต่พวกเราส่วนใหญ่จำเป็นต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมอง จิตวิทยา หรือการศึกษา เพื่อปรับตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางการเป็นพ่อแม่
การเป็นแบบอย่างที่ดี การอยู่เคียงข้างพวกเขา การกำหนดขอบเขตในเวลาที่เหมาะสม การสนับสนุนให้พวกเขาเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง จะช่วยให้พวกเขาเป็น "ผู้โชคดี" ฉลาด และเป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยความรัก
ท้ายที่สุด หวังว่าเด็กทุกคนจะมีสุขภาพแข็งแรง ฉลาด มีความสุข และกลายเป็นพรแก่โลก