ศาลฎีกาไต่สวนนัด4คดีทักษิณรักษาตัวชั้น14สอบบิ๊กราชทัณฑ์-หมอ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีการนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 ซึ่งเป็นการตรวจสอบกรณีการพักโทษของ "ทักษิณ ชินวัตร" โดยก่อนหน้านี้ศาลได้ไต่สวนพยานหลายปาก ทั้งผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, กลุ่มแพทย์ประจำสถานพยาบาลราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปแล้ว
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก "ทักษิณ" เปิดเผยก่อนการไต่สวนนัดที่ 4 ว่า วันนี้ศาลเรียกพยานรวม 6 ปาก ประกอบด้วย อธิบดีกรมราชทัณฑ์, อดีตผู้บัญชาการเรือนจำ, ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และรองผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ "ทักษิณ" ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ทนายความไม่สามารถก้าวล่วงประเด็นที่ศาลจะซักถามได้ แต่คาดว่าในส่วนของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ น่าจะถูกสอบถามเกี่ยวกับบทบัญญัติกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำและราชทัณฑ์ รวมถึงการใช้อำนาจดุลยพินิจในการอนุญาตให้ "ทักษิณ" รักษาตัวนอกเรือนจำ
บรรยากาศการไต่สวนวันนี้ ศาลยังคงอนุญาตให้ผู้สนใจและสื่อมวลชนเข้ารับฟังได้ตามปกติ แต่มีข้อแม้ห้ามนำอุปกรณ์จดบันทึกเข้าไปในห้องพิจารณาคดี โดยให้ฟังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี และ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี ก็ยังคงเดินทางมาร่วมรับฟังการไต่สวนเช่นเคยในทุกครั้ง
สำหรับพยานทั้ง 6 ปากที่ศาลนัดไต่สวนในวันนี้ ช่วงเช้าศาลได้ไต่สวนไปแล้ว 4 ปาก ได้แก่:
- นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
- นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
- นายสิทธิ สุทธีวงศ์ อดีตรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
- นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
พยานทั้ง 4 ปาก ถูกศาลไต่สวนในประเด็นเกี่ยวกับการรับตัว "ทักษิณ" เข้าเรือนจำ, การตรวจร่างกายโดยพยาบาลเรือนจำ, การส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ, อาการป่วยที่ต้องผ่าตัดเร่งด่วน รวมถึงการขยายเวลารักษาตัวที่โรงพยาบาลในช่วง 30 วัน และ 60 วัน โดยพยานระบุว่ามีการลงนามคำสั่งตามความเห็นแพทย์ และเป็นไปตามกฎกระทรวงและ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ รวมถึงเรื่องการพักโทษของ "ทักษิณ" ด้วย
ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นคิวของ 2 ผู้บริหารโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้แก่ นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ และ นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข เตรียมขึ้นให้การต่อศาลต่อไป.