‘ดีเอสไอ’ รอ 5 หน่วยงานส่งเอกสารชี้แจง ปมสนามบินเถื่อนทับถนนนิคมฯลำตะคอง

"ดีเอสไอ" รอเอกสารชี้แจง 5 หน่วยงาน ไขปม "รันเวย์ VIP เถื่อน" หลัง "นิคมสร้างตนเองลำตะคอง" ส่งคนแจ้งความ สภ.ปากช่อง อ้าง สนามบินทับถนนนิคมยังไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แย้ม หากได้หนังสือชี้แจงครบถ้วน ดีเอสไอพร้อมลงพื้นที่ซ้ำ เข้าพบ "เจ้าของสนามบินขนงพระ-เจ้าของสนามกอล์ฟเอกชน" เพื่อขอข้อเท็จจริง

19 กรกฎาคม 2568 - จากกรณี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ต.นิมิตร พรหมมา รอง ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าพบรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทางสาธารณประโยชน์ในพื้นที่สนามบินส่วนบุคคล ในบริเวณพื้นที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภายหลังจากดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเป็นทางวิ่งรันเวย์ของอากาศยานในสนามบินขนงพระ โดยปรากฏภาพข่าวว่าถนนสาธารณะดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นการใช้ถนนสาธารณะ เพื่อเป็นทางวิ่งอากาศยานส่วนบุคคลยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรร่วมกันมาเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดความเดือนร้อนและความไม่ปลอดภัยต่อคนในพื้นที่ นั้น

ล่าสุดวันนี้ คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยผลการตรวจสอบว่า 1.พื้นที่บริเวณทางวิ่งของอากาศยานในสนามบินขนงพระตามข้อร้องเรียน อยู่ในความดูแลของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ ดังนั้น การขออนุญาตใช้พื้นที่ดังกล่าว จึงเป็นอำนาจของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่กรณีการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงทางวิ่งของอากาศยาน (Ranway) อำนาจการอนุญาตเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งในส่วนนี้องค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ เกี่ยวข้องในขั้นตอนการอนุญาต อย่างไรก็ดี องค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ ได้ขอตรวจสอบข้อมูลและจะส่งมอบเอกสารให้ดีเอสไอในภายหลัง

2.กรณีทางวิ่งของอากาศยานในสนามบินดังกล่าว จะมีการสร้างทับทางสาธารณประโยชน์หรือไม่นั้น ในเรื่องขั้นตอนการขออนุญาต เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอำนาจของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ ไม่ทราบเรื่อง แต่ในส่วนของสนามบิน จากการตรวจสอบข้อมูลโดยกองช่าง ไม่พบว่ามีการขออนุญาต ย้อนหลังไปถึงปี พ.ศ. 2550 ก็ไม่พบข้อมูลการขออนุญาตในการก่อสร้างทางวิ่งของอากาศยานต่อองค์การบริหารส่วนตำบลขนงพระ แต่อย่างใด

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า จากการเข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่บริเวณทางสาธารณะที่อยู่ในบริเวณทางวิ่งสนามบิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ทางสาธารณะดังกล่าว มีความกว้างประมาณ 3.5 เมตร ยาวประมาณ 450 เมตร และมีทางวิ่งอากาศยาน หรือรันเวย์ (Runway) ตามข้อร้องเรียนจริง โดยรันเวย์มีความกว้างประมาณ 19 เมตร ยาวประมาณ 1,000 เมตร พาดผ่านทางสาธารณะ ทั้งนี้ ทางสาธารณะดังกล่าวเมื่อผ่านรันเวย์แล้ว จะไปสิ้นสุดบริเวณสนามกอล์ฟเอกชน ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเขตพื้นที่รับผิดชอบของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่กองช่าง อบต.ขนงพระ ชี้แจงว่า จุดสิ้นสุดของเส้นทางสาธารณะดังกล่าว มีทางสาธารณะเชื่อมต่อเข้าไปในสนามกอล์ฟ แต่สภาพไม่ได้เป็นทาง โดยมีการปลูกเป็นสนามหญ้าใช้ประโยชน์ในสนามกอล์ฟ

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ดีเอสไออยู่ระหว่างรอเอกสารการชี้แจงจาก 5 หน่วยงาน ได้แก่ 1.อบต.ขนงพระ เรื่องการขออนุญาตสร้างสนามบิน และมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อขออนุญาตจัดตั้งสนามบินส่วนบุคคล ที่ขึ้นลงชั่วคราว ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หรือไม่ 2.กรมที่ดิน เรื่องโฉนดที่ดิน ว่าเป็นที่ดินที่อยู่ในเขต-นอกเขต อย่างไรบ้าง 3.นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เรื่องไทม์ไลน์วันที่เวลาที่ปรากฏการก่อสร้างสนามบินขนงพระ การสร้างทางวิ่งอากาศยาน หรือรันเวย์ (Runway) 4.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องการสร้างสนามบิน และ 5.สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เรื่องพื้นที่คาบเกี่ยวที่ดิน สปก. โดยถ้าหากทาง อบต.ขนงพระ มีการชี้แจงเอกสารว่าได้อนุญาตให้สร้างสนามบินจริงตามคำขอ ก็ต้องดูประกอบข้อเท็จจริงกับสิ่งที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองชี้แจงมาด้วย เนื่องจากทางสาธารณะแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง อย่างไรก็ต้องมีการขออนุญาตมาทางนิคมสร้างตนเองลำตะคองก่อน ดังนั้น หากนิคมสร้างตนเองลำตะคองมีการอนุญาต จากนั้นจึงจะไปยื่นขออนุญาต อบต.ขนงพระ ในการสร้างทางวิ่งอากาศยาน ได้ เนื่องด้วยมี พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่กำกับดูแลอยู่

อย่างไรก็ตาม นิคมสร้างตนเองลำตะคอง มีการไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา วันที่ 4 มิ.ย.68 ระบุว่า “การสร้างสนามบินทับถนนนิคม บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 12 ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ยังไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ตามมาตรา 15 จำนวนเนื้อที่ 0-2-94 ตารางวา“ ทั้งนี้ หากได้รายละเอียดชี้แจงครบทั้ง 5 หน่วยงานแล้ว ดีเอสไอจึงจะลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อไปพบกับบุคคล 2 ส่วน คือ 1.เจ้าของสนามบินขนงพระ ซึ่งตามการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่าสนามบินแห่งนี้ปรากฏเอกสารมีชื่อนักการเมืองเป็นคนขอสร้างสนามบินภายหลังจากที่สนามบินสร้างเสร็จตั้งนานแล้ว (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 ตามแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ) ทั้งยังมีการทำประชาพิจารณ์ภายหลังอีกด้วย และจะได้ไปพบกับ 2.เจ้าของสนามกอล์ฟเอกชน ซึ่งตามเอกสารปรากฏชื่อหญิงไทยรายหนึ่ง มีสถานะเป็นน้องสาวของนักการเมือง เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่กองช่าง อบต.ขนงพระ ชี้แจงว่า จุดสิ้นสุดของเส้นทางสาธารณะดังกล่าว มีทางสาธารณะเชื่อมต่อเข้าไปในสนามกอล์ฟ แต่สภาพไม่ได้เป็นทาง โดยมีการปลูกเป็นสนามหญ้าใช้ประโยชน์ในสนามกอล์ฟนั้น จุดนี้ถือเป็นข้อสังเกต เพราะมันเหมือนเป็นการใช้ที่สาธารณะเป็นสนามกอล์ฟไปเลย อีกทั้งมีพยานบุคคลให้ข้อมูลว่า จริง ๆ แล้ว มันเป็นทางที่สามารถเข้า-ออกได้ แต่ปัจจุบันกลับไม่ใช่ทางเดินปกติ กลายเป็นพื้นหญ้าใช้ในพื้นที่สนามกอล์ฟ แต่อย่างไรในประเด็นนี้จะต้องรอการตรวจสอบก่อนว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ หรือว่าทำเป็นทางสาธารณะให้ประชาชนผ่าน ซึ่งก็ต้องเป็นการชี้แจงโดยกรมที่ดิน

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า สนามบินขนงพระมีอยู่แล้ว แต่มันไปทับทางสาธารณะ ขณะที่ทางสาธารณะดังกล่าวก็มีความยาวเข้าไปในสนามกอล์ฟเอกชน แต่สนามกอล์ฟเอกชนกลับเหมือนมีการปิดทาง โดยที่ อบต.ขนงพระ ยังระบุด้วยว่า สนามกอล์ฟมันคือทางสาธารณะที่ทะลุเข้าไป แต่สภาพตอนนี้มันคือสนามหญ้าของสนามกอล์ฟไปแล้ว แต่ก็มีบ้างที่ให้รถสัญจร แต่รถก็ไม่กล้าเข้าไปสัญจร เพราะลักษณะมันคือสนามกอล์ฟ จึงต้องตรวจสอบดูว่ามีการขอใช้ประโยชน์หรือไม่ หรือว่าไม่มีการขอใช้ประโยชน์ จึงย้ำว่าดีเอสไอต้องรอคำชี้แจงจากกรมที่ดิน

“หากไปย้อนดูภาพถ่ายทางอากาศปี พ.ศ. 2517 พ.ศ. 2542 จะพบว่าเป็นถนนชัดเจน แม้รู้ว่าเป็นถนนก็ปล่อยให้ใช้ แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ 3 เรื่อง คือ การสร้างสนามบินทับที่นิคมฯ ทำสนามกอล์ฟทับที่สาธารณะ และไม่มีการขออนุญาตสร้างสนามบิน แต่กลับปรากฏไปอยู่ในพื้นที่นิคมฯ ที่บวมขึ้นมา”

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุด้วยว่า สำหรับการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 ก็ยังพบว่ามีการจอดเครื่องบินไว้อยู่ 1 ลำ แต่ไม่มีการใช้ นอกจากนี้ หากดูตามข่าวสื่อมวลชนที่มีการรายงานที่ผ่านมา ก็พบภาพและคลิปวิดีโอว่ามีเครื่องบินขึ้น-ลง จริง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้มีการร้องเรียนถึงผลกระทบไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ซึ่งดีเอสไอก็รอดูหนังสือชี้แจงจาก อบต.ขนงพระ ในเรื่องนี้ด้วยว่า ชาวบ้านมีการร้องเรียนขอให้ตรวจสอบอย่างไรบ้าง และ อบต.ขนงพระ ชี้แจงผลอย่างไรกับทางผู้ร้องเรียน

คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุอีกว่า กรณีนี้ หากมองภาพรวม คนที่เสียหาย คือ นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เพราะทางสาธารณะนี้อยู่ในพื้นที่ของนิคมฯ โดยหากพิจารณากรอบขอบเขตข้อกฎหมายที่จะต้องดูนั้น ได้แก่ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 เป็นต้น โดยเฉพาะกฎหมายเกี่ยวกับ สปก. เพราะบริเวณสนามบินและสนามกอล์ฟเอกชนดังกล่าวมันเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวกับที่ดิน สปก. ซึ่งจะต้องดูว่ามีการรุกล้ำที่ดิน สปก. หรือไม่

“นิคมสร้างตนเองลำตะคอง มีอำนาจในการออกเอกสารสิทธิ์ให้ชาวบ้าน เพราะต้องจัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้าน หลังจากมีการสร้างเขื่อนลำตะคอง จึงต้องอพยพชาวบ้านบริเวณใต้เขื่อนที่น้ำท่วม ขึ้นมาอยู่ที่นิคมฯ ดังกล่าว แต่ปัจจุบันนี้ที่มีปัญหาข้อร้องเรียนเรื่องการสร้างทางทับที่สาธารณะ อาจจะมีการขาย หรือการให้เช่า หรือเปลี่ยนมือผู้ถือสิทธิ ส่วนนี้ก็ต้องนำไปตรวจสอบ ไม่ว่าจะเอกสารโฉนดหรือข้อมูลในสารบบ“ คณะพนักงานสอบสวน กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุปิดท้าย