สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 31 ก.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.เพชรบูรณ์ (68 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.ชัยภูมิ (40 มม.) ภาคตะวันตก : จ.กาญจนบุรี (26 มม.) ภาคกลาง : กรุงเทพมหานคร (9 มม.) ภาคตะวันออก : จ.จันทบุรี (47 มม.) ภาคใต้ : จ.นราธิวาส (62 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม
คาดการณ์ : ช่วงวันที่ 1 – 5 ส.ค. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ในขณะที่ยังคงมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 62% ของความจุเก็บกัก (51,017 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 45% (26,898 ล้าน ลบ.ม.)
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 30 ก.ค. 68 ในพื้นที่ 5 จ. 23 อ. ได้แก่ จ.เชียงราย (อ.เทิง ขุนตาล พญาเม็งราย แม่สาย เชียงของ ดอยหลวง เชียงแสน และเวียงแก่น) จ.น่าน (อ.เวียงสา) จ.แพร่ (อ.เมืองแพร่ สูงเม่น เด่นชัย สอง หนองม่วงไข่ ลอง วังชิ้น และร้องกวาง) และ จ.สุโขทัย (อ.เมืองสุโขทัย ศรีสำโรง สวรรคโลก ศรีสัชนาลัย และศรีนคร) และจ.ตาก (อ.แม่สอด)
4. ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (30 ก.ค.”68)”นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม”พร้อมด้วย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แถลงข่าวหัวข้อ “รัฐบาลเร่งรัดการระบายน้ำท่วมขังและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภาและร่องมรสุม””
ณ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล จากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 21 - 28 ก.ค. 68 รัฐบาลมีความห่วงใยต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้มอบหมายให้ สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานผ่านศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย เพื่อบริหารจัดการน้ำข้ามลุ่มน้ำและข้ามจังหวัด รวมถึงการแจ้งเตือนภัยและการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบาย
ในภาวะวิกฤติ เพื่อเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็วที่สุด และรัฐบาลยังได้สั่งการให้บูรณาการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวมถึงให้ประสานการบริหารระดับน้ำกับพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงเขื่อนพระรามหกและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับน้ำฝนระลอกใหม่ ในเดือน ส.ค.–ก.ย. 68 และลดความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เฝ้าระวังสถานการณ์แม่น้ำโขงอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเขื่อนใน สปป.ลาว ได้เพิ่มการระบายน้ำอย่างฉับพลัน ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณจังหวัดริมแม่น้ำโขงฝั่งไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยให้เตรียมแผนรับมือและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ทั้งด้านการแจ้งเตือนล่วงหน้า และการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการสถานการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้ และรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเร็วที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 30 ก.ค. 68