โชว์บ้าง! ทหารเขมรเตรียมล้อมรั้ว ‘ปราสาทตาควาย’ เร่งเติมกำลังพล-ขนอาวุธไว้หากสู้รบ
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ จะมีการหยุดยิงหลังเจรจามาแล้ว 3 วัน แต่กลับพบว่ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ของวัตถุหลายสิบลำบินอยู่เหนือท้องฟ้า มีไฟสว่างให้เห็นในหลายพื้นที่อำเภอชายแดน และบินเข้ามาถึงพื้นที่ อ.ปราสาท และ อ.เมือง บางจุด คาดว่าจะเป็นโดรน แม้ฝ่ายความมั่นคงของไทยจะปฏิเสธ และกำลังตรวจสอบ ซึ่งได้มีการแจ้งให้ประชาชนเข้าเคหสถานและหลุมหลบภัย พร้อมปิดไฟ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการระบุของกองทัพบก ว่า กองทัพภาคที่ 2 ควบคุมพื้นที่ชายแดนไว้ได้ 11 พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น ภูมะเขือ ตาเมือนธม พร้อมกับเผยภาพมีการวางรั้วลวดหนามล้อมตัวปราสาทไว้ แต่ ปราสาทตาควาย กลับไม่ปรากฏการล้อมรั้วลวดหนามแต่อย่างไร แม้จะมีภาพการปักธงไทยที่ปราสาทตาควาย แต่กลับพบว่าเป็นภาพที่ทำจากเอไอ และข้อมูลจากชาวโซเชียลเท่านั้น
ต่อมา นักข่าวชาวกัมพูชา โพสต์ภาพตัวเองและทหารกัมพูชาผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมระบุในทำนองว่า ทหารกัมพูชาได้ยึดปราสาทตาควายได้แล้ว ซึ่งทาง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้กล่าวยอมรับว่า ปราสาทตาควาย ยังไม่สามารถควบคุมได้ 100% แต่ทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่รอบปราสาทตาควายได้มากกว่าก่อนเกิดเหตุปะทะ ซึ่งเราควบคุมคนละด้านกันกับฝั่งกัมพูชา เนื่องจากถึงเที่ยงคืนตามเวลาหยุดยิงก่อน
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวเชิงลึกระบุว่า ทหารกัมพูชา ได้ครอบครองพื้นที่ตัวปราสาทตาควายได้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนที่จะมีการหยุดยิง โดยทหารไทยครอบครองได้เพียงพื้นที่ส่วนล่างตัวปราสาท บริเวณทางขึ้นและอนุสาวรีย์พิทักษ์ไทย ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการเดิมเท่านั้น และยังพบข้อมูลอีกว่า สาเหตุที่ทหารกัมพูชาเงียบไป อยู่ระหว่างทหารขนลำเลียงอาวุธขึ้นมาไว้บนพื้นที่ตัวปราสาทตาควายฝั่งกัมพูชาจำนวนมากอีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่าทหารกัมพูชากำลังจะล้อมรั้วที่ปราสาทตาควายเช่นกัน หลังจากเห็นทหารไทยล้อมรั้วที่ปราสาทตาเมือนธม
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงดังกล่าว ยังคงต้องรอความชัดเจนจากทางกองทัพบก แถลงข่าวอย่างละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง.