7 THINGS WE LOVE ABOUT LINDA EVANGELISTA หนึ่งในซูเปอร์โมเดลที่สำคัญที่สุดตลอดกาล
หากกล่าวถึงชื่อนางแบบตัวท็อปของวงการแฟชั่น ลิสต์รายชื่อคงยาวไม่รู้จบ แต่ถ้าเป็นชื่อของซูเปอร์โมเดลผู้ยืนหยัดเหนือกาลเวลาและยังเป็นที่จดจำของคนในวงการแฟชั่นเสมอมาแล้วล่ะก็ ชื่อของ Linda Evangelista จะต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน สำหรับ Linda เธอไม่ใช่แค่นางแบบ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่หลอมรวมศิลปะ แฟชั่น และป๊อปคัลเจอร์เข้าไว้ด้วยกัน เส้นทางอาชีพของเธอเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่กลายเป็นบทเรียนประวัติศาสตร์แฟชั่น
ความโดดเด่นของ Linda ไม่ใช่แค่การกลายร่างให้เข้ากับเสื้อผ้า เรื่องราว และยุคสมัยเท่านั้น เธอยังเป็นตัวอย่างของผู้หญิงแกร่งตั้งแต่จุดเริ่มต้น การค้นพบตัวเอง รวมถึงการกลับมาทวงบัลลังก์นางแบบอีกครั้งในวัย 60 ปี วันนี้ THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับซูเปอร์โมเดลคนนี้กันมากขึ้น
HOW SHE STARTED
Linda Evangelista เกิดและเติบโตในเมือง St. Catharines รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ด้วยความหลงใหลในแฟชั่นตั้งแต่เด็ก เธอเข้าร่วมการประกวดนางงามท้องถิ่นจนความสวยของเธอไปเตะตาแมวมองจาก Elite Model Management ในโทรอนโต แม้จะได้รับข้อเสนอให้ไปทำงานนางแบบตั้งแต่อายุ 16 ปี แต่ Linda เลือกที่จะเรียนให้จบก่อน เพื่อให้ตนเองพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เส้นทางของเธอเริ่มต้นที่นิวยอร์ก ต่อด้วยปารีสในยุคที่วงการแฟชั่นกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก เธอมีโอกาสได้ร่วมกับแบรนด์มากมาย แต่โมเมนต์ที่สร้างชื่อให้กับเธอจริงๆ เกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้มีโอกาสร่วมงานกับช่างภาพแฟชั่นชื่อดัง Steven Meisel ผู้ซึ่งกลายเป็นช่างภาพคู่บุญของเธอและช่วยสร้างภาพลักษณ์ระดับซูเปอร์โมเดลให้กับเธอด้วยเช่นกัน
SHORT HAIR SENSATION
ปี 1988 ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์พลิกชะตาในชีวิตการทำงานของ Linda Evangelista แม้ว่าเธอจะมีผลงานต่อเนื่อง แต่ยังไม่ได้รับการยกย่องเป็นตัวท็อปของวงการ จนกระทั่งเธอมีโอกาสได้ร่วมงานกับช่างผมชื่อดัง Sam McKnight ในการถ่ายแฟชั่นสำหรับ British Vogue เมื่อ Sam ยื่นข้อเสนอให้เธอตัดผมบ๊อบสั้นมาก ซึ่งลุคดังกล่าวถือว่าท้าทายมากสำหรับนางแบบเพราะส่วนใหญ่เลือกจะไว้ผมยาวเพื่อความหลากหลายของลุคและงานโฆษณา แต่ Linda เลือกที่จะเสี่ยง ผลลัพธ์ที่ได้คือผมบ๊อบสั้นสไตล์เด็กทอมบอยที่เผยให้เห็นโครงหน้าและดวงตาคมชัด ลุคใหม่ของเธอกลายเป็นภาพจำของเธอทันที ทุกคนตั้งแต่ช่างภาพ ดีไซเนอร์ ไปจนถึงบรรณาธิการแฟชั่นต่างตกหลุมรักลุคนี้ของเธอ ส่งผลให้งานของเธอพุ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า แบรนด์ใหญ่ระดับโลกต่างแย่งตัวเธอให้เดินรันเวย์และขึ้นแคมเปญ ภาพลักษณ์ใหม่นี้สร้างความสดใหม่ให้กับเสื้อผ้า ที่สำคัญทรงผมนี้ยังสร้างเทรนด์การตัดผมสั้นให้กับผู้หญิงทั่วโลกจนกลายเป็นคำติดปาก ‘ตัดทรง The Linda’
THE CHANEL GIRL
ในช่วงปลายยุค 80 และต้น 90 แฟชั่นโชว์ของแบรนด์ CHANEL คือเวทีที่ทุกสายตาในวงการแฟชั่นจับตามอง และหนึ่งในดาวเด่นของรันเวย์นี้ก็คือ Linda Evangelista สำหรับ Karl Lagerfeld ไม่ได้มองเธอเป็นแค่นางแบบเท่านั้น แต่ในฐานะ ‘Muse’ ที่สะท้อนภาพของผู้หญิง CHANEL ได้อย่างสมบูรณ์ สง่างาม มีความหรูหราไร้กาลเวลา แต่เต็มไปด้วยความซนและความมั่นใจ โมเมนต์อันน่าจดจำมาจากคอลเล็กชันโอต์กูตูร์ Fall/Winter 2003 เมื่อ Linda เดินฟินาเล่ให้กับแบรนด์ในฐานะ CHANEL Bride ซึ่งมีนางแบบเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับโอกาสให้สวมชุดแต่งงานเดินปิดโชว์ตามธรรมเนียมของโชว์โอต์กูตูร์ ลุคของ Linda ครั้งนั้นดูโมเดิร์นด้วยเดรสที่ซ้อนด้วยกางเกงด้านในอีกที รับกับผมสั้นของเธอได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เพียงแค่นั้น Linda ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับ CHANEL ทั้งในภาพถ่ายแคมเปญ ซึ่ง Karl เคยกล่าวไว้ว่า Linda นั้นเปรียบได้กับผู้หญิงในฝันของดีไซเนอร์เพราะเธอสามารถเข้าใจแนวคิดเบื้องหลังเสื้อผ้าและสื่อสารออกมาผ่านการเดิน ท่วงท่า และสายตาได้อย่างแม่นยำ
FREEDOM! 90
ในปี 1990 เมื่อโลกแฟชั่นและดนตรีมาบรรจบกัน มิวสิกวิดีโอเพลง Freedom! 90 ของ George Michael กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์วัฒนธรรมป๊อปแห่งยุค George เลือกใช้นางแบบแถวหน้าของโลกมารับบทนำในมิวสิกวิดีโอแทนตัวเขา ได้แก่ Linda Evangelista, Naomi Campbell, Christy Turlington, Cindy Crawford และ Tatjana Patitz ซึ่งต่อมาทั้งหมดถูกขนานนามว่า ‘The Big Five’ การตัดสินใจร่วมงานกันครั้งนี้เปลี่ยนโฉมหน้าของนางแบบจากแค่ไม้แขวนเสื้อสู่การเป็น Superstars ที่โด่งดังไม่แพ้ศิลปินและดาราภาพยนตร์ ผลกระทบของวิดีโอตัวนี้มหาศาลอย่างมาก ไม่เพียงแค่ทำให้ชื่อของ Linda เป็นที่รู้จักวงกว้างมากขึ้น ยังตอกย้ำสถานะของเธอในฐานะป๊อปคัลเจอร์อย่างแท้จริง และยังเสริมภาพลักษณ์ให้กับยุคทองของซูเปอร์โมเดล จนถึงปัจจุบัน Freedom! 90 ยังถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในมิวสิกวิดีโอที่ทรงอิทธิพลของประวัติศาสตร์ทั้งในแง่ของแฟชั่น สไตล์ และความรุ่งเรืองของซูเปอร์โมเดล
TRUE INFLUENCE
ประโยคเด็ดระดับไอคอนิกของ Linda Evangelista ที่เคยถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร American Vogue กับประโยคที่ว่า “I don’t get out of bed for less than $10,000 a day” แม้เธอจะกล่าวเสียใจที่เคยพูดประโยคดังกล่าวเพราะถูกล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามประโยคนี้กลับเป็นการเซตมาตรฐานสะท้อนความมั่นใจในการประเมินคุณค่าและอิทธิพลของตัวเอง ก่อนยุค 90 นางแบบแทบไม่มีปากมีเสียง พวกเธอต้องทำงานตามที่เอเจนซีและดีไซเนอร์ต้องการเท่านั้น ด้วยค่าแรงที่น้อยและมีข้อจำกัดในการเลือกงาน เช่น ถ้านางแบบคนไหนทำงานคอมเมอร์เชียลจะไม่มีโอกาสเฉิดฉายในวงการไฮแฟชั่น แต่ Linda กลับสร้างมาตรฐานใหม่เมื่อเธอจะเลือกรับงานที่ตรงกับภาพลักษณ์และคุณค่าของเธอ สิ่งนี้ยังส่งผลต่อนางแบบรุ่นหลังๆ ที่กล้าตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเอง เช่น ไม่ถ่ายภาพนู้ด ดังนั้นประโยคของเธอจึงไม่ใช่แค่การสร้างความมั่นคงทางการเงินแต่สร้างอิทธิพลเชิงโครงสร้างของวงการนางแบบอีกด้วย
HARPER’S BAZAAR COVER
หนึ่งในโมเมนต์สำคัญของสื่อสิ่งพิมพ์แฟชั่นในยุค 90 คือหน้าปกนิตยสาร Harper’s Bazaar เดือนกันยายน ปี 1992 ที่ถ่ายโดย Patrick Demarchelier และแน่นอนว่า Linda Evangelista เป็นนางแบบบนปกฉบับนั้น ภาพถ่ายครั้งนั้นโดยเฉพาะปกสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการแฟชั่น เมื่อปกนี้ถือเป็นการประกาศการเข้าสู่ยุคมินิมัลอย่างเต็มตัว รูปถ่ายของ Linda แบบซูมเห็นหน้าชัดและการจัดวางท่าทางด้วยชุดโอต์กูตูร์ดูเรียบง่ายและลงตัว ในขณะที่สามารถสร้างความสนใจให้กับผู้อ่านได้อย่างมาก ภาพถ่ายของทั้งสองกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับช่างภาพรุ่นหลังถูกนำมาปรับใช้และอ้างอิงในหลายๆ ปีต่อมา ปกนี้ยังพิสูจน์ถึงสถานะซูเปอร์โมเดลของ Linda ได้อย่างแท้จริง ที่ไม่ว่าจะผ่านไปแล้วกี่ปีคนยังพูดถึงจวบจนปัจจุบัน
HER RETURN
ช่วงปี 2020s ซูเปอร์โมเดลยุค 80 และ 90 ต่างกลับมาเดินรันเวย์กันอีกครั้ง เว้นแต่ Linda Evangelista เท่านั้นที่กลับหายเงียบไป เธอได้ออกมายอมรับว่าเธอนั้นได้ผ่านการทำศัลยกรรมความงามและเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ซึ่งการออกมายอมรับครั้งนี้ก็เพื่อเรียกร้องให้ผู้หญิงทุกคนกล้าพูดถึงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่แล้วในเดือนกันยายนปี 2022 ช่วงนิวยอร์กแฟชั่นวีค Linda ได้ปรากฏตัวเซอร์ไพรส์ให้กับโชว์พิเศษของแบรนด์ Fendi x Tiffany and Co. ในชุดคลุมสีฟ้า Tiffany สร้างเสียงฮือฮาและแขกต่างลุกขึ้นยืนปรบมือกันอย่างคับคั่ง ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังได้ขึ้นแคมเปญของ Fendi และมีโอกาสได้ขึ้นปกนิตยสาร Vogue อีกครั้งโดยเฉพาะร่วมกับเพื่อนนางแบบซูเปอร์โมเดล Naomi Campbell, Cindy Crawford และ Christy Turlington ฉบับเดือนกันยายน เดือนที่สำคัญที่สุดของสิ่งพิมพ์แฟชั่น