“ทวิวงศ์” อัดงบฯ ต้านโกง ทุ่ม 500 ล้าน ไปกับโครงการสัมมนา ที่เสี่ยงเป็นงบกินหัวคิว
“ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์” ชำแหละร่างงบประมาณ 2569 ชี้ งบฯ ต้านทุจริต กลับมีงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ทุ่มไปกับโครงการอบรมสัมมนา ที่เสี่ยงกลายเป็น งบสำหรับ “กินหัวคิว”
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วาระที่ 2 และ 3 นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.อยุธยา พรรคประชาชน ได้กล่าวอภิปรายในมาตรา 37 งบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ ว่าหลายคนอาจสงสัยหรืออาจจะไม่ทราบว่าจริงๆ ประเทศไทย มีการตั้งงบประมาณเพื่อ “การต่อต้านทุจริต” ในชื่อว่า แผนบูรณาการการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นเจ้าภาพในการจัดสรรงบประมาณและยังมีหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ เข้ามาเสนอของบประมาณกับแผนบูรณาการนี้
แต่ทำไมเรายังคงเห็นข่าวทุจริตอยู่ทุกวัน จากทั้งสื่อออนไลน์และโทรทัศน์ คำตอบนั้นคือ เพราะแผนการใช้งบประมาณที่ เป้าไม่ถึง เป้าไม่ตรง และเป้าดีมีไม่พอ
นายทวิวงศ์ กล่าวต่อว่า เป้าไม่ถึง คือ เป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่ แผนบูรณาการต้านทุจริตนี้ได้ตั้งเอาไว้ โดยตั้ง corruption perception index หรือดัชนีการรับรู้การทุจริต เรียกง่ายๆ ว่า CPI ซึ่งเป็นดัชนีหรือตัวชี้วัดที่ทั่วโลกยอมรับกัน
แต่ ป.ป.ช. ตั้งเป้าหมายไว้สูงตลอดแต่ไม่เคยทำให้ดัชนีการรับรู้ทุจริตของไทยนั้นถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เลย อย่างปีล่าสุดที่มีการประเมิน ปี 2567 ตั้งเป้าหมาย ไว้ว่าต้องได้อันดับหนึ่งใน 51 แต่สุดท้ายกลับรั้งอันดับ 107 และหวังจะได้คะแนน 53 คะแนน แต่ทำได้จริงแค่ 34 คะแนน และหลายปีที่ผ่านมา ไทยกลับได้คะแนนเพียงครึ่งเดียวของเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยตลอด
ข้อสังเกตที่สำคัญอีกอย่างคือ ป.ป.ช. ยังใช้ตัวชี้วัดของไทยเราเองอย่าง การประเมิน ITA หรือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐ แต่ที่น่าสนใจคือ มีค่าเฉลี่ยดีขึ้นทุกปี สวนทางกันกับการประเมินที่ต่างประเทศยอมรับ และนั่นเป็นเพราะเป้าไม่ตรง ที่เป้าหมายของเราไม่ตรงกับการแก้ปัญหาทุจริตที่ควรจะเป็น เพราะในรายละเอียด งบในแผนบูรณาการต่อต้านการทุจริตฯ นั้น มีทั้งหมดกว่า 961 ล้านบาท แต่งบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับการอบรมสัมมนา กว่า 52% หรือกว่า 500 ล้านบาท และยังเป็นงบที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ตัวอย่างน่าสนใจ คือ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่คอยสนับสนุน อบจ. เทศบาล อบต. ต่างๆ แต่งบประมาณที่ขอมาในแผนบูรณาการการต้านทุจริตฯ กลับมีแต่ “งบอบรมสัมมนาล้วนๆ” กว่า 26 ล้านบาท แค่ค่าอาหารในโครงการอบรมสัมมนา ก็มีมากกว่า 9 ล้านบาท ค่าที่พักอีก 7.5 ล้านบาท
คำถามคือ การอบรมแบบนี้จะช่วยให้ กรณีอย่าง “เสาไฟกินรี” หายไปจากการจัดซื้อจัดจ้างของท้องถิ่นหรือไม่
นายทวิวงศ์ จึงกล่าวว่า ตนเองขอเสนอ ให้ควรจัดทำเป็น “งบอุดหนุน” ให้ท้องถิ่นทั่วประเทศ ได้ทำ “ระบบถ่ายทอดสดการประชุมสภาท้องถิ่น” เพื่อเปิดเผยข้อมูลในสภาท้องถิ่นว่า นำภาษีของประชาชนไปใช้อะไรบ้าง และยังส่งผลให้ท้องถิ่นไม่ต้องกังวลว่า งบประมาณการเปิดถ่ายทอดสด จะเบียดบังงบประมาณของท้องถิ่นเอง
ส่วนประเด็นต้องสงสัยมากที่สุด คือ “งบอบรมสัมมนา” ที่เสี่ยงมาก ที่จะเป็น “งบกินหัวคิว” แต่กลับมี งบอบรมกว่า 500 ล้านบาท อยู่ใน งบแผนบูรณาการฯ ต่อต้านการทุจริต ซึ่งมันกลับหัวกลับหาง ไม่ใช่ว่างบอบรมปลูกฝังจิตสำนึกไม่ควรมี แต่ถ้ามันมากเกินจน อาจส่งผลให้เป้าที่ดีมีไม่พอ
เพราะเป้าหมายที่ดี ที่ควรจะมี คือ ระบบเปิดเผยข้อมูล และงบทำระบบตรวจสอบ จึงเป็นเหตุผลที่ตนเองต้องขอเสนอ ปรับลดงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ในส่วนที่เป็นงบฯ อบรมสัมมนา ออกจาก งบประมาณแผนบูรณาการต้านทุจริต
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “ทวิวงศ์” อัดงบฯ ต้านโกง ทุ่ม 500 ล้าน ไปกับโครงการสัมมนา ที่เสี่ยงเป็นงบกินหัวคิว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ทวิวงศ์” อัดงบฯ ต้านโกง ทุ่ม 500 ล้าน ไปกับโครงการสัมมนา ที่เสี่ยงเป็นงบกินหัวคิว
- “รัชนก” เตรียมร้อง ป.ป.ช. การเคหะส่อทุจริตเชิงนโยบาย ประเคนเอกชนฟันกำไร
- สภาวุ่นกลางดึก “กรวีร์” ประท้วงเดือด - “ชาดา” ซัด สส.รัฐบาล ร่างทรงรัฐมนตรี
- “อิ๊งค์” เข้าสภาฯ ไม่ตอบสื่อ 3 วันติด แต่โพสต์คำคมภาษาอังกฤษกลางดึก
- เพื่อไทยโต้ท้าเปิดชื่อคนดีล กว้านซื้อ "งูเห่า" พรรคประชาชนหัว 10 ล้าน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath