"กรมส่งเสริมสหกรณ์" เดินหน้าโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนของสถาบันเกษตรกรและสมาชิก มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนทั่วประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่ม ยกระดับมาตรฐานสินค้า ขยายโอกาสสู่ตลาดใน-ต่างประเทศ
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ปี 2567-2568 ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชน ต่อยอดความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกร พร้อมส่งเสริมการตลาดและเพิ่มรายได้ให้สมาชิก โดยเน้นการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การสร้างเอกลักษณ์ของชุมชน และการเข้าถึงตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านการอบรมด้านการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันเกษตรกร เพื่อเสริมศักยภาพการจัดจำหน่ายผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยผลการดำเนินงานปี 2567 สามารถพัฒนาสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพภายใต้สังกัดสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวม 200 แห่ง ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ครอบคลุมสินค้า 5 ประเภท ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้-ของตกแต่ง-ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าสินค้าชุมชน ทั้งในส่วนกลางและระดับจังหวัด ครอบคลุมสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มอาชีพรวม 1,248 คน ซึ่งผลสำเร็จสามารถสร้างมูลค่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.16 คิดเป็นมูลค่า 10,348,370 บาท
สำหรับปี 2568 กรมฯ ตั้งเป้าหมายพัฒนาสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพภายใต้สังกัดสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร รวม 140 แห่ง ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ ครอบคลุมสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพร ผ้า เครื่องแต่งกาย และของใช้-ของตกแต่ง-ของที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีการอบรมเสริมศักยภาพร้านค้าสหกรณ์ และจัดกิจกรรมต่อยอดในภูมิภาค 18 โครงการ ครอบคลุม 18 จังหวัด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และการเชื่อมโยงเครือข่าย
กรมฯ คาดว่า ภายในปี 2568 จะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ได้ครบ 100 แห่ง พร้อมยกระดับร้านค้าสหกรณ์ 40 แห่ง และสร้างมูลค่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 “โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ให้มีความโดดเด่นและมีมูลค่าเพิ่ม แต่ยังเปิดโอกาสทางการตลาด เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ และเสริมศักยภาพของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อันเป็นรากฐานสำคัญต่อการสร้างเศรษฐกิจ ฐานรากที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว