แอตต้าแนะพลิกโฉมท่องเที่ยวไทย รับมือบริบทโลกเปลี่ยน
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เตือนว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักของประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ หลังบริบทการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีอิทธิพลต่อทิศทางการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค
ดังนั้นการสร้างความยั่งยืนในอนาคตขึ้นอยู่กับการพัฒนา “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” อย่างจริงจัง ควบคู่กับการปรับตัวเชิงโครงสร้างเพื่อแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งจะยังคงเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของไทย
จากการบรรยายของ ศ.ดร.ไต้ปิง ในงาน China-ASEAN Tourism สะท้อนให้เห็นถึงกรอบคิดสำคัญของจีนที่มีต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว คือ การให้ความสำคัญกับ “ความปลอดภัย” และ “คุณภาพ” มากกว่าประเด็นการได้เปรียบเสียเปรียบด้านจำนวนนักท่องเที่ยว
“ความปลอดภัย” จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจของมนุษย์และเป็นเงื่อนไขสำคัญของการท่องเที่ยว สำหรับประเทศไทยปัญหาด้านความปลอดภัยถูกสะท้อนในหลายมิติ ได้แก่ การเดินทางและคมนาคม ความมั่นคงด้านอาหารและสาธารณสุข อาชญากรรมและการฉ้อโกงจากการบริการ และความมั่นคงทางการเงินของนักท่องเที่ยว
แม้ประเทศไทยมีมาตรการรองรับในหลายด้าน แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างคือ การขาดบูรณาการ การประสานงานเชิงรุก และการสื่อสารเชิงสถิติ ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นอย่างกว้างขวางได้
ขณะที่ “คุณภาพ” เป็นปัจจัยสร้างความเชื่อมั่นระยะยาว รัฐบาลจีนแสดงให้เห็นตัวอย่างของการจัดการคุณภาพ โดยมีการจัดตั้งระบบรับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นระบบ การใช้เทคโนโลยี Social Listening เพื่อตรวจสอบ Sentiment ของผู้บริโภค วิเคราะห์ Big Data และนำเสนอนโยบายปรับปรุงต่อรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเทศไทย เดิมทีการท่องเที่ยวไทยมีจุดขายที่ “ความคุ้มค่า (Value Destination)” จากค่าครองชีพที่ต่ำ แต่ปัจจุบันไทยถูกจัดอันดับค่าครองชีพอยู่ในลำดับที่ 11 ของโลก ซึ่งบ่งชี้ว่าการแข่งขันในอนาคตต้องอาศัย คุณภาพสินค้าและบริการที่สูงขึ้น มากกว่าการพึ่งพาความถูก การออกแบบประสบการณ์ท่องเที่ยวไทยจำเป็นต้องตอบโจทย์ทั้งในมิติ Emotional (ความพึงพอใจด้านอารมณ์) และ Functional (ความสะดวกและคุณภาพเชิงเหตุผล)
นายอดิษฐ์ ชี้ถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมไทย ว่าการพัฒนาแบบ Outside-in ที่อิงตลาดและเทรนด์เพียงอย่างเดียว อาจไม่ตอบโจทย์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจากเทคโนโลยีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สตรีทฟู้ดไทย ที่เปลี่ยนจาก “รสชาติและราคาที่เข้าถึงได้” ไปสู่การเน้นความสวยงามเพื่อสร้างคอนเทนต์
ส่งผลให้เสน่ห์ดั้งเดิมค่อยๆ ลดลง คุณภาพของสินค้าและบริการจำเป็นต้องถูกออกแบบให้มี ความยั่งยืนทั้งด้าน Demand และ Supply เลือกใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการเร่งเร้าทางการตลาดที่ทำลายความสมดุลในระยะยาว
บทบาทของการท่องเที่ยวในเศรษฐกิจไทย จะพบว่าการท่องเที่ยวเป็นสมบัติชาติและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน แม้มีข้อเสนอให้ไทยลดการพึ่งพาการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีใหม่ แต่ข้อเท็จจริงคือ การท่องเที่ยวยังคงเป็นหัวใจหลักของระบบเศรษฐกิจไทย สิ่งที่ไทยต้องเร่งดำเนินการคือ การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับตลาดจีน มีโอกาสและความต่อเนื่อง เพราะจีนมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศกว่า 146 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มกลับสู่ระดับ 155 ล้านคน เท่ากับก่อนการระบาดโควิด-19 การห้ามคนจีนเดินทางออกนอกประเทศแทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งจากแรงกดดันทางสังคม และบทบาทนักท่องเที่ยวจีนในฐานะ เครื่องมือทางการทูตและเศรษฐกิจของจีน
ปัจจัยที่ทำให้ไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของจีน ได้แก่ ขนาดตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระยะทางบินสั้นเพียง 3-5 ชั่วโมง ความสัมพันธ์ทางการทูตและประวัติศาสตร์อันดี การเติบโตของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปจีน และภาพลักษณ์เชิงบวกของคนไทยในสายตาคนจีน
ผมมีข้อเสนอเชิงนโยบายใน 4 เรื่อง ได้แก่
1. ยกระดับระบบความปลอดภัย ด้วยการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อสารเชิงรุกต่อสาธารณะ
2. สร้างมาตรฐานคุณภาพสินค้าและบริการท่องเที่ยว ทั้งในด้าน Emotional และ Functional โดยเฉพาะการบริหารจัดการข้อร้องเรียนและคุณภาพการให้บริการ
3. พัฒนา Supply Chain การท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างความยั่งยืน ลดการพึ่งพาการตลาดเชิงเร่งรัด และเสริมสร้างคุณค่าที่แตกต่าง
4. ใช้ตลาดจีนเป็นฐานยุทธศาสตร์ โดยรักษาความสัมพันธ์เชิงบวก และพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวจีนในระยะยาว
การปรับโฉมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจไทยในทศวรรษหน้า โดยเฉพาะการสร้างความยั่งยืนและความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,124 วันที่ 21 - 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568