เอเบเรชี่ เอเซ่ จากน้ำตาสู่ฝันที่เป็นจริงกับ อาร์เซน่อล
นี่ถือเป็นดีลที่ช็อกพอตัว เพราะที่จริงก่อนหน้านี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ให้ความสนใจในตัว เอเซ่ อย่างหนักจนถึงขั้นว่ากันว่าดีลมันมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นว่า "ไก่เดือยทอง" โดนอริตัวฉกาจฉกแข้งเป้าหมายไปแบบต่อหน้าต่อตา
สำหรับ เอเซ่ แล้วนั้น นี่คงเป็นยิ่งกว่าดีลในฝัน เพราะสมัยที่ยังเป็นเพียงเยาวชนนั้นเจ้าตัวก็เคยฝึกฝีเท้ากับอะคาเดมี่ของ อาร์เซน่อล และแข้งวัย 27 ปีก็เป็นแฟนบอลของ "ไอ้ปืนใหญ่" ตั้งแต่ยังเด็กด้วย โดยมี เธียร์รี่ อองรี เป็นไอดอล
หลักฐานของเรื่องนั้นคือบทสัมภาษณ์ของเอเซ่ กับ เดอะ ซัน สื่อของอังกฤษเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นตอนที่ เอเซ่ เล่นอยู่กับ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส โดยตอนนั้นเขาโดนถามว่าทีมโปรดของเขาใน พรีเมียร์ลีก คือทีมไหน และเจ้าตัวก็ตอบแบบเสียงดังฟังชัดว่า "อาร์เซน่อล"
พอโดนถามเพิ่มว่าทำไมถึงชอบ อาร์เซน่อล แล้วนั้นเอเซ่ ก็บอกว่า "ผมเชียร์พวกเขามาตั้งแต่ตอนที่ยังอายุน้อยๆ แล้ว พวกเขามีแนวทางการเล่นที่ดี ผมเคยเล่นกับทีมเยาวชนของพวกเขาตอนที่ยังอายุน้อยด้วย ดังนั้นพวกเขาเลยเป็นทีมโปรดของผม"
"สมัยที่ผมยังเป็นเด็กน่ะผมชอบ เธียร์รี่ อองรี มากๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเคยตัดสินใจเซ็นสัญญากับที่นั่นตอนที่ยังเป็นเด็กด้วย แถมผมจะได้เล่นให้ทีมที่ตามเชียร์อีก ผมอยากทำแบบนั้นมาโดยตลอด ผมเติบโตมาพร้อมกับพวกเขาและเคยได้เล่นกับพวกเขา ผมรักทีมมากๆ"
ตอนนั้น เอเซ่ โดนถามด้วยว่าถ้า อาร์เซน่อล ติดต่อมาดึงเขาแล้วนั้นเขาจะตอบรับข้อเสนอหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบแบบเขินๆ ว่า "ผมไม่รู้อะไรหรอกพวก ตอนนี้ผมเป็นนักเตะของ คิวพีอาร์ และผมก็กำลังมีความสุขที่ได้เล่นให้ คิวพีอาร์ และตอนนี้มันกำลังไปได้สวย"
เอเซ่ ยังถูกถามเช่นกันว่าหาก สเปอร์ส ทาบทามเขาแล้วนั้นเขาจะยอมไปเล่นให้ทีมที่เป็นอริตลอดกาลของทีมรักรึเปล่า ซึ่งเขาก็หัวเราะและตอบว่า "ผมไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรแบบนี้หรอก ผมไม่รู้เหมือนกัน ก็อาจจะยอมน่ะนะ"
ทั้งนี้ ตอนเด็กนั้นเส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ เอเซ่ ไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เพราะเขาโดน อาร์เซน่อล ปล่อยออกจากอะคาเดมี่ของทีมตอนที่อายุแค่ 13 ปี ซึ่งเจ้าตัวเคยเปิดใจว่าเรื่องนั้นทำให้เขาเสีนใจมากๆ
"การโดน อาร์เซน่อล ปล่อยตัวอาจจะเป็นสิ่งที่ผมทำใจยอมรับได้ยากที่สุด ผมมีความฝันที่จะได้เล่นให้พวกเขา ดังนั้นการได้ยินพวกเขาบอกว่าผมจะไม่ได้ไปต่อตอนที่ผมมีอายุ 13 ขวบน่ะเลยเป็นสิ่งที่ทำใจได้ยากมากๆ ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่ผมลงซ้อมหลังจากเพิ่งโดนปล่อยออกจากทีมใหม่ๆ น่ะผมไม่มีสมาธิกับการซ้อมเลย ผมร้องไห้หนักมากในระหว่างที่ซ้อมไปด้วย"
ตอนนี้ความฝันของหนูน้อยเอเซ่ ในตอนนั้นก็กำลังจะได้เป็นความจริงแล้ว แม้ว่ามันจะเคยผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายและต้องรอนานสักหน่อยก็ตาม