จีนตั้งเป้าใช้ชิป AI ผลิตเอง 70% ภายในปี 2570 ท้าชนอิทธิพล Nvidia ผู้ครองตลาดชิปกว่า 80%
(21 ส.ค. 68) จีนเดินหน้าลดการพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยหลายเมืองใหญ่วางเป้าหมายเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างน้อย 70% ภายในปี 2570 เพื่อลดอิทธิพลของ Nvidia ผู้ครองตลาดชิป AI กว่า 80% ในจีน ขณะที่ปักกิ่งตั้งเป้าสูงถึง 100% ส่วนกุ้ยหยาง เมืองที่มีดาต้าเซ็นเตอร์จำนวนมาก กำหนดให้ศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องใช้ชิปผลิตในประเทศไม่ต่ำกว่า 90%
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ย้ำในที่ประชุมโปลิตบูโรว่า จีนต้องระดมทรัพยากรทั้งประเทศเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและพึ่งพาตนเองในด้าน AI พร้อมส่งสัญญาณสนับสนุนการพัฒนาและการผลิตชิปในประเทศ ซึ่งปัจจุบันผู้พัฒนาบริการ AI ภายในประเทศ เช่น DeepSeek, Alibaba และ Baidu กำลังขยายบทบาท แต่ก็ยังต้องพึ่งพา Nvidia อย่างมาก
หัวเว่ย (Huawei) พยายามสร้างทางเลือกใหม่ด้วยชิปตระกูล Ascend 910 ซึ่งรุ่นล่าสุด 910B มีสมรรถนะราว 85% ของ Nvidia H20 และเตรียมเปิดตัวรุ่น 920 ที่คาดว่าจะทดแทน H20 ได้เต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันบริษัทอื่น เช่น Cambricon และ Kunlun ของ Baidu ก็กำลังเร่งพัฒนาชิป AI ร่วมกับโรงงานผลิตชิปในประเทศอย่าง SMIC
นักวิเคราะห์คาดว่า ส่วนแบ่งตลาดชิป AI ของ Nvidia ในจีนจะลดลงเหลือ 50-60% ภายใน 5 ปี ขณะที่ผู้ผลิตจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 40-50% ล่าสุด ไชน่า โมบาย ลงนามจัดซื้อเซิร์ฟเวอร์ AI มูลค่า 19,100 ล้านหยวน โดยใช้ชิปหัวเว่ยทั้งหมด และยังมีรายงานว่า ByteDance อาจหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยด้วย
อย่างไรก็ดี ความพยายามตัดขาดจากสหรัฐฯ ไม่ง่ายนัก เพราะยังมีข้อจำกัดด้านสมรรถนะและความล่าช้าในการพัฒนา เช่น กรณี DeepSeek ที่ถูกชะลอเพราะใช้ผลิตภัณฑ์หัวเว่ย ขณะเดียวกัน จีนยังคงนำเข้าชิป Nvidia ต่อไปในบางภาคส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการดูดซับเทคโนโลยีตะวันตกกับการสร้างนวัตกรรมในประเทศเอง