9 ทันโลก : เมื่อกัมพูชาเสนอชื่อ “ทรัมป์” รับรางวัลโนเบล
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 9 สิงหาคม 2568 เวลา 4.38 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท8 ส.ค. – รางวัลโนเบล ปกติประกาศกันช่วงปลายปี แต่ตอนนี้กลายเป็นประเด็นข่าว เมื่อผู้นำกัมพูชาเสนอชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้รับรางวัล เรื่องนี้มีแง่มุมอย่างไร ติดตามจากรายงาน 9 ทันโลก
ผู้นำกัมพูชาเสนอชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อรับรางวัลใหญ่อย่างโนเบลสาขาสันติภาพ มีนัยที่เหนือไปกว่าการส่งเสริมสันติภาพอย่างแน่นอน นอกจากจะยื่นไมตรีให้กับผู้นำมหาอำนาจแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมองว่ารัฐบาลกัมพูชายังหวังผลการเมืองภายในด้วย
จดหมายฉบับนี้ของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นการแสดงเจตจำนงอย่างเป็นทางการต่อคณะกรรมการโนเบลของนอร์เวย์ เสนอชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ผู้นำกัมพูชาแสดงความซาบซึ้งต่อบทบาทนายทรัมป์ ในการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพบริเวณชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย
รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เป็นเกียรติยศสูงส่งที่มอบให้กับบุคคลและคณะบุคคลมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1901 ในแต่ละปีรางวัลโนเบลยังเป็นตัวชี้วัดกระแสการเมือง จุดประกายคุณความดีเพื่อสันติภาพ และสะท้อนสถานการณ์การเมืองและสังคมโลกในเวลานั้น
ตามกฎของคณะกรรมการโนเบล เปิดให้บุคคล รัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือองค์กร เสนอชื่อบุคคลให้ได้รับการพิจารณารางวัลในแต่ละปีได้ แต่คณะกรรมการจะไม่เปิดเผย
สำหรับแต่ละปีกระบวนการจะเริ่มตั้งแต่ปีก่อนหน้า ตั้งแต่เดือนกันยายน ที่เริ่มรวบรวมการเสนอชื่อ จนปิดรับในวันที่ 31 มกราคม พอถึงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน จะจัดทำรายชื่อเพื่อเข้าสู่การพิจารณา ดังนั้น การเสนอชื่อนายทรัมป์ โดยนายฮุน มาเนต จึงไม่ทันสำหรับปีนี้ หลังจากนั้นจึงเข้าขั้นตอนการพิจารณา กระทั่งประกาศผลต้นเดือนตุลาคม เพื่อให้เข้าสู่พิธีรับมอบรางวัลกันที่ประเทศนอร์เวย์ ในเดือนธันวาคม
นายทรัมป์เป็นผู้ผูกใจปรารถนาที่จะได้รับรางวัลนี้มาหลายปีตั้งแต่ครองตำแหน่งผู้นำสมัยแรก ในช่วงแรกเห็นได้ชัดว่ามีแรงกระตุ้นมาจากการที่นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีฝ่ายตรงข้ามการเมืองของเขา ได้รับรางวัลนี้ในปี 2009 ในหลายโอกาส นายทรัมป์ปรามาสว่านายโอบามาไม่ได้มีผลงานอะไรที่ควรค่า เขาเพิ่งกล่าวด้วยว่าตัวเขาเองมีผลงานมากมาย น่าจะได้รับรางวัลนี้มาแล้วหลายครั้ง และในบทบาทที่ผลักดันให้ไทยและกัมพูชาเปิดการเจรจาหยุดยิงโดยใช้เงื่อนไขการเจรจาภาษี เขายังได้ขนานนามให้ตัวเองว่าเป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ
สำหรับผู้ค้านเห็นแตกต่างไปจากนายฮุน มาเนต ก็มีเหตุผลที่นายทรัมป์ ไม่คู่ควรรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ตั้งแต่แนวทางต่อต้านองค์กรและระเบียบโลกแบบพหุภาคี ที่เขาได้ต่อต้านและนำสหรัฐถอนตัวออกมา ไม่ว่าจะเป็นองค์การอนามัยโลก ความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งนักทำลายความร่วมมือระหว่างประเทศ และบั่นทอนความมั่นคงของโลก และเมื่อเดือนมิถุนายน เขายังได้สั่งการให้โจมตีอิหร่านหลายจุดที่เสี่ยงจะทำให้เกิดมหันตภัยร้ายจากนิวเคลียร์ และลุกลามเป็นสงครามใหญ่
นโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ที่เป็นหลักการของภาษีทรัมป์ ทำให้โลกปั่นป่วนด้วยสงครามการค้า กับสร้างความตึงเครียดและผลกระทบทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ผู้คนทุกระดับต่างได้รับผลร้าย นายทรัมป์ยังมีลักษณะที่นิยมความขัดแย้ง ด้วยวาทกรรมที่สร้างความแตกแยก ดูหมิ่น อคติต่อสตรี และเหยียดผิว
เหตุการณ์ที่เป็นรอยด่างต่อประชาธิปไตยอเมริกัน การจลาจลรัฐสภา 6 มกราคม ปี 2021 มีหลักฐานชัดเจนว่านายทรัมป์ ปลุกปั่นผู้สนับสนุนให้บุกอาคารรัฐสภา ส่งเสริมความรุนแรงทางการเมือง และเป็นหลักฐานถึงแนวคิดอำนาจนิยมของเขา บ่อนทำลายหลักการประชาธิปไตยในเวทีโลก
ก่อนที่นายฮุน มาเนต เสนอชื่อนายทรัมป์ ครั้งนี้ เคยผู้นำประเทศหลายคนที่ประกาศตัวว่าเสนอชื่อนายทรัมป์ โดยเฉพาะนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จากบทบาทในตะวันออกกลาง ซึ่งค้านสายตาจากสภาพสงครามและความทุกข์ทนของชาวปาเลสไตน์
รองศาสตราจารย์โสพัล เอีย รศ. แห่งมหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา กล่าวว่า เหตุผลของกัมพูชาน่าจะอยู่ที่การวางจุดยืนทางยุทธศาสตร์มากกว่า เพื่อแสดงไมตรีจิตด้วยค่าใช้จ่ายต่ำ ผู้นำกัมพูชาย่อมเข้าใจลึกซึ้งถึงความปรารถนาของนายทรัมป์ ได้ผลดีต่อการผูกมิตรกับมหาอำนาจ และได้ผลดีในสายตาชาวกัมพูชา ที่ยกบทบาทรัฐบาลบนเวทีโลก ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนมองด้วยว่าในบริบทความขัดแย้งกับไทย กัมพูชากำลังทำแต้มการเมืองระหว่างประเทศ พร้อมไปกับที่ปรับสมดุลระหว่างมหาอำนาจ ลดการพึ่งพาจีน
ดังนั้น นายทรัมป์ จะได้รับรางวัลโนเบลหรือไม่ ต้องดูเจตนารมณ์หลักเกณฑ์ของการมอบรางวัลตามพินัยกรรมของนายอัลเฟรด โนเบล ว่าควรมอบแด่ผู้ที่มีผลงานมากที่สุดหรือดีที่สุดในการสร้าง “ภราดรภาพระหว่างชาติ การลดและยกเลิกกองทัพ โอบอุ้มและเสริมสร้างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ”.-สำนักข่าวไทย