ไม่กลัวโดนทิ้ง! กลยุทธ์ “สื่อสารมัดใจลูกค้า” ปรับราคาสินค้าอย่างไรให้ปังกว่าเดิม
อีกหนึ่งเรื่องลำบากใจของคนทำธุรกิจ นั่นคือการขอปรับราคาสินค้า ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้นทุนที่สูงขึ้น นำมาสู่ความกังวลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสียลูกค้าไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
ในโลกธุรกิจที่ต้นทุนผันผวน การปรับราคาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การสื่อสารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ลูกค้าตีจาก Smartsme จะนำเสนอวิธีสื่อสารการปรับราคาสินค้าอย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาฐานลูกค้า และสร้างความเข้าใจที่ดีระหว่างกัน
1.สื่อสารอย่างโปร่งใสและให้เหตุผลที่สมเหตุสมผล
หัวใจสำคัญคือ ความซื่อสัตย์ อย่าพยายามซ่อนเร้น หรือหลีกเลี่ยงที่จะบอกลูกค้าตรง ๆ ว่ามีการปรับราคาเพราะอะไร สิ่งสำคัญคือต้องอธิบาย เหตุผลที่มาของการปรับราคา อย่างชัดเจนและสมเหตุสมผล เช่น
ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น: “เนื่องจากราคาวัตถุดิบหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงมีความจำเป็นต้องปรับราคาเล็กน้อยเพื่อให้ยังคงคุณภาพที่ดีที่สุดไว้”
ค่าขนส่งและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น: “เพื่อรักษามาตรฐานการจัดส่งและคุณภาพการบริการที่ดีเยี่ยม เราขอเรียนแจ้งการปรับราคาที่สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น”
การพัฒนาสินค้า: มีการลงทุนในการพัฒนาสินค้า และบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกท่าน
กล่าวได้ว่าการให้เหตุผลที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจถึงความจำเป็นและลดความรู้สึกเชิงลบ
2.แจ้งล่วงหน้าและให้เวลาลูกค้าเตรียมตัว
หากปรับราคาแบบกะทันหันอาจสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าได้ ดังนั้น ควรแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้นสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าสูง เพื่อให้เวลาลูกค้าได้เตรียมตัววางแผนการซื้อได้ และยังแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของคุณต่อลูกค้า
ตัวอย่าง: ตั้งแต่วันที่ X เดือน Y เป็นต้นไป สินค้าของเราจะมีการปรับราคาเล็กน้อย ขอให้ลูกค้าทุกท่านวางแผนการสั่งซื้อล่วงหน้า
3.เน้นย้ำถึงคุณค่าและคุณภาพที่ลูกค้าจะได้รับ
แทนที่จะพูดถึงแค่เรื่องราคาที่เพิ่มขึ้น ให้เน้นย้ำถึงคุณค่า และประสบการณ์ที่ลูกค้าจะยังคงได้รับ หรืออาจจะได้รับเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยการปรับราคาไม่ใช่แค่การเพิ่มภาระ แต่เป็นการยืนยันว่าคุณยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด
หากมีการพัฒนาสินค้าหรือบริการเพิ่มเติม ให้เน้นย้ำสิ่งนั้น เช่น การปรับราคาครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และยกระดับบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น
4.พิจารณาข้อเสนอพิเศษในช่วงเปลี่ยนผ่าน
เพื่อลดแรงเสียดทานจากการปรับราคา ลองพิจารณาเสนอโปรโมชัน หรือส่วนลดพิเศษ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนการปรับราคาจริง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อตุน หรือเป็นเสมือน “ของขวัญ” ตอบแทนความภักดีได้เห็นถึงความสำคัญ โดยแบรนด์อาจจะสื่อสารไปยังลูกค้าว่า “สำหรับลูกค้าคนสำคัญทุกท่าน สามารถสั่งซื้อสินค้าในราคาเดิมได้ถึงวันที่ X พร้อมรับส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับการสั่งซื้อครั้งต่อไป”
5.ใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย และเหมาะสม
เลือกช่องทางการสื่อสารที่ลูกค้าของคุณเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น
อีเมล: ส่งอีเมลแจ้งลูกค้าโดยตรง อธิบายรายละเอียดและเหตุผล
โซเชียลมีเดีย: โพสต์ประกาศบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของแบรนด์ พร้อมตอบคำถาม และข้อสงสัย
เว็บไซต์/หน้าร้าน: ติดประกาศหรือแจ้งข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ หรือที่จุดชำระเงินในกรณีที่เป็นหน้าร้าน
การแจ้งเตือนในแอปพลิเคชัน: หากมีแอปพลิเคชัน ให้ส่งการแจ้งเตือน (push notification)
6.เตรียมพร้อมรับฟังและตอบคำถามอย่างใจเย็น
ลูกค้าบางรายอาจมีคำถาม ข้อสงสัย หรือแม้กระทั่งความไม่พอใจ เตรียมทีมของคุณให้พร้อมที่จะรับฟัง และตอบคำถามด้วยความเข้าใจ อดทน หลีกเลี่ยงการโต้เถียง และพยายามชี้แจงด้วยเหตุผลและข้อมูลที่ชัดเจน
การปรับราคา.สินค้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่หากมีการวางแผนและสื่อสารอย่างรอบคอบ พร้อมให้ความสำคัญกับความรู้สึกของลูกค้า ธุรกิจของคุณก็จะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ และยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าเอาไว้ได้ในระยะยาว
เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ