ไทยแถลงต่อ UN กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ต้องชี้แจงป้องกันเข้าใจผิด
30 กรกฎาคม 2568 นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ได้แถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ
นายเชิดชายกล่าวขอบคุณต่อความมุ่งมั่นของขณะในการจุดการประชุม เพื่อยืนยันเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันของเราและความมุ่งมั่นต่อสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลาง และแม้ไม่อยากยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นกล่าว แต่จำเป็นต้องชี้แจงเพื่อป้อกันการเข้าใจผิด ในแถลงการณ์ 12 ข้อ ข้อที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาดังนี้ (ข้อ 3-5)
- ชายเชิดชายแสดงความเสียใจที่มีคณะผู้แทนหนึ่งหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมา แม้ด้านประเทศไทยเองไม่ได้ตั้งใจจะนำเรื่องทวิภาคีนี้เข้ามาสู่เวทีสำคัญนี้ แต่จำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงโดยสังเขปเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
- เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม โดยความกรุณาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ได้มีการตกลงหยุดยิงกัน แต่ไม่นานหลังจากมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม ประเทศเพื่อนบ้านของไทย (กัมพูชา) กลับเริ่มยิงปืนข้ามพรมแดนและรุกรานเข้ามาในดินแดนไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง
- ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) ยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะทำงานผ่านช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่ และขอให้หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน และปฏิบัติต่อกันด้วยความสุจริตใจ
แถลงการณ์โดยสรุปข้ออื่น ๆ (ข้อ 1-2 และ 6-12) เป็นการแถลงการณ์ของผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติต่อข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นประเด็นหลักในการประชุม แบ่งเป็น 3 ประเด็นหลักคือ
- ประเทศไทยขอยืนยันการสนับสนุนแนวทาง สองรัฐในฐานะทางออกเดียวที่เป็นไปได้สู่สันติภาพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและมติของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง ประเทศไทยสนับสนุนความพยายามทั้งหมดขององค์การสหประชาชาติ หุ้นส่วนระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ รวมถึงสันนิบาตรัฐอาหรับ องค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และประเทศที่รักสันติภาพทั้งหลาย เพื่อส่งเสริมการเจรจาสู่สันติภาพ และเน้นย้ำว่าความไว้วางใจต้องได้รับการฟื้นฟูผ่านมาตรการที่ครอบคลุม ตอบสนองต่อข้อกังวลและความปรารถนาของทุกฝ่าย
- ประเทศไทยเรียกร้องให้มีการหยุดยิงที่ยั่งยืน เรียกร้องการปล่อยตัวตัวประกันที่เหลือทั้งหมดโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากพลเมืองไทยได้รับผลกระทบ จึงเห็นว่าความสูญเสียด้านมนุษยธรรมเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน
- การคุ้มครองพลเรือนยังคงเป็นลำดับความสำคัญของประเทศไทย ไทยสนับสนุนให้มีการการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างปลอดภัย ทันที และไม่ถูกรบกวน สอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และไทยขอให้นานาชาติยืนยันเจตนารมณ์ร่วมกันในการยุติความขัดแย้งนี้อย่างถาวร
นอกจากนี้ ประเทศไทยขอแสดงความขอบคุณต่อความพยายามร่วมกันและความมุ่งมั่นของคณะประชุมสหประชาชาติฯ ในการจัดการประชุมเพื่อยืนยันเจตจำนงทางการเมืองร่วมกันและความมุ่งมั่นต่อสันติภาพและเสถียรภาพที่ยั่งยืนในตะวันออกกลาง