โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

5 ภาพแทน “ไทย” ในแบบเรียนประวัติศาสตร์ชั้นมัธยมของกัมพูชา เป็นอย่างไร?

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 13 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพสลักรูปกองทัพสฺยำกุก ที่ผนังระเบียงปราสาทนครวัดด้านทิศใต้ปีกตะวันตก เดิมมีข้อความจารึกว่า

5 ภาพแทนไทยในแบบเรียนประวัติศาสตร์มัธยมกัมพูชา เป็นอย่างไร?

แบบเรียนประวัติศาสตร์ของแต่ละชาติ มักเล่าเรื่องราวของนานาประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกันทางประวัติศาสตร์ บางข้อมูลก็เป็นข้อเท็จจริง แต่บางอย่างก็ถ่ายทอดจากมุมมองของตนเอง อย่างไทย ทุกคนก็คงคุ้นเคยกับศึกระหว่างไทยกับพม่า ส่วนกัมพูชาก็ปรากฏภาพไทยในมุมมองทางประวัติศาสตร์ของเขาเช่นกัน

ในวิจัย“ภาพแทน ‘ไทย’ ในแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาของกัมพูชา”ของ ชาญชัย คงเพียรธรรมได้ศึกษาเรื่องนี้ ก่อนจะวิเคราะห์ออกมาว่า ในหนังสือแบบเรียนประวัติศาสตร์ ระดับมัธยมของกัมพูชา ปรากฏภาพแทนไทยถึง 5 ข้อ ดังนี้…

1. ไทยคือกลุ่มคนป่าที่อพยพลงมาจากทางตอนใต้ของจีน

เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในวิชาศึกษาสังคม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยแปลเนื้อหาออกมาเป็นภาษาไทยได้ความว่า

“ในศตวรรษที่ 7 และที่ 8 ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ชนชาติไทย (เผ่าพันธุ์เอเชียใต้) ได้สถาปนารัฐน่านเจ้า ซึ่งมีศูนย์กลางตั้งอยู่ที่มณฑลยูนานในปัจจุบัน

เริ่มแรก พวกสยามได้ลงมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณตอนกลางของแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างรัฐทวารวดีกับหริภุญชัย และได้เกิดขึ้นเป็นเมืองหรือรัฐขนาดเล็กที่อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมือง ในศตวรรษที่ 12 เขาจึงได้พบเห็นสยาม (Syam) และภาพสลักชนชาติสยามอยู่ที่บนระเบียงหินในปราสาทนครวัด พร้อมทั้งมีข้อความให้นามว่า สยาม และอธิบายว่าเป็นคนป่า”

จากข้อความข้างต้น เจ้าของงานวิจัยได้อธิบายว่า ในแบบเรียนกล่าวว่า บรรพบุรุษของคนไทยอพยพมาจากดินแดนทางตอนใต้ของจีน จากนั้นจึงเข้ามาอาศัยบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างรัฐทวารวดีกับรัฐหริภุญชัย ก่อนจะสร้างบ้านเมืองขึ้นเป็นเมืองขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรเขมรโบราณ

ทั้งหมดนี้เห็นได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ คือ ภาพสลักกองทัพสยามที่ระเบียงปราสาทนครวัด และข้อความบนจารึกภาษาเขมรโบราณ ที่เขียนว่า “เสียมก๊ก” หมายถึงกองทัพชาวสยาม

ทว่าในจารึกกลับไม่ปรากฏคำอธิบายที่ว่าเป็นคนป่า ตามที่ในหนังสือเรียนระบุ สะท้อนให้เห็นถึงการใส่ความคิดเห็นของผู้ทำแบบเรียนเข้าไปในนั้น

2. ไทยเป็นโจรที่ปล้นแผ่นดินและมรดกทางวัฒนธรรมของเขมร

ในหนังสือ วิชาศึกษาสังคม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ยังระบุอีกว่าไทยเป็นโจร มาแย่งชิงพื้นที่และขโมยศิลปวัฒนธรรมของเขมรไป สยาม ซึ่งลงมาจากทิศเหนือในช่วงศตวรรษที่ 12 ไม่มีมรดกทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง เช่น อักษรหรือศิลปะ พวกเขาจึงลอกเลียนเอาสมบัติวัฒนธรรมเขมรไปใช้ ไม่ว่าจะเป็น อักษร ศาสนา ศิลปะ การปกครอง ฯลฯ

เมื่อชาวสยามยึดครองพื้นที่เขมรได้บางส่วนและยกทัพมาตีพระนคร ก็เกิดอารยธรรมเสียมขึ้น คำเขมรหลายคำกลายเป็นภาษาเสียม พ่อขุนรามคำแหงก็ดัดแปลงอักษรเขมรให้กลายเป็นอักษรเสียม

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้พวกเขามองว่าสยามคือคนป่า (ตามที่ปรากฏในหัวข้อ 1) เพราะไม่มีอารยธรรมเป็นของตนเอง ทั้งหมดล้วนเอาจากเขมรไปทั้งสิ้น และเรียกคนไทยว่า“โจรเสียม”

นอกจากนี้ หลังเสียกรุงละแวก สยามได้นำพระโค พระแก้ว ที่ชาวกัมพูชานับถือไป ทำให้บ้านเมืองกัมพูชาเสื่อมถอย กลับกันคือสยามรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ

จนปัจจุบันสยามก็ยังคงป่าเถื่อน เพราะส่งกองทัพเข้ามารุกรานเขมร

3. ไทยเป็นศัตรูของชาติ

เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนวิชาศึกษาสังคม ของมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่พูดถึงสงครามระหว่างสยามกับเขมรหลายครั้ง เช่น ตอนที่สยามเข้ายึดพระนครได้สำเร็จ ครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1394-1401) โดยกล่าวว่า สยามยึดเมืองพระนครครั้งที่ 2 ด้วยวิธีที่ไม่ต่างจากตอนแรก คือ ไม่ใช่เพราะฝีมือการต่อสู้ แต่เป็นเพราะกลอุบาย

เมื่อสยามเข้ามาปกครอง ก็“ทำร้ายคนเขมรอย่างป่าเถื่อน”,“กดขี่ ข่มเหง ทำร้ายคนเขมร”

ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เขียนงานวิจัยมองว่า เป็นภาพสะท้อนว่าไทยเป็นศัตรูของกัมพูชา

ในหนังสือเล่มเดียวกันยังปรากฏว่าใช้สรรพนามแทนสยามว่า“พวกมัน” และใช้กริยาที่สยามทำต่อเขมรไปในเชิงลบ เช่น ใช้คำว่า บํผฺลาญ (แปลว่า ทำลายหรือล้างผลาญ), กมฺเทจ (แปลว่า ทำลายหรือทำให้พัง) หรือ กาบ่สมฺลาบ่ (แปลวว่า ฆ่าฟัน) ฯลฯ

4. ไทยเนรคุณเขมร

เรื่อง“สยามเนรคุณเขมร” ปรากฏบ่อยในหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์เขมร เช่น ในหนังสือเรียนวิชาประวัติวิทยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้พูดถึงสงคราม ใน ค.ศ. 1588 และ “มูลเหตุในการเสียบันทายละแวก” ไว้ตอนหนึ่งว่า

“มูลเหตุในการเสียเมืองบันทายละแวก

พระราชา : สัตถาที่ 1 โฉดเขลาไปช่วยกอบกู้เอกราชกรุงศรีอยุธยาของสยามจากการปกครองของพม่า

สยาม : สยามเนรคุณ ใช้กลอุบายส่งพระสงฆ์มาสืบข่าวภายในบันทายละแวก และใช้กลอุบายสาดเงินพดด้วงเข้าไปในกอไผ่”

  • ไทยเคยพ่ายแพ้พม่า

ในหนังสือเรียนวิชาศึกษาสังคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กล่าวว่าไทยเคยพ่ายแพ้พม่าและเสียหายอย่างมาก ดังปรากฏว่า

“ตามประวัติศาสตร์ประเทศสยามแบ่งออกเป็น 4 สมัยคือ

สุโขทัย (ค.ศ. 1238-1350) สยามได้โจมตีเอาเมืองสุโขทัยจากเขมร และได้ก่อกำเนิดรัฐสยามโดยพ่อขุนรามคำแหง

สมัยอยุธยา (ค.ศ. 1350-1767) สยามได้ขยายดินแดนมายังอาณาจักรเขมรและครอบครองดินแดนบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ใน ค.ศ. 1767 กษัตริย์พม่าทรงพระนามว่า บุเรงนองได้ตีกรุงศรีอยุธยาจนพังพินาศ**

สมัยธนบุรี (ค.ศ. 1767-1800) พระเจ้าตากได้ทรงกอบกู้เอกราชคืนมาจากพม่า แล้วย้ายราชธานีมาตั้งอยู่ที่กรุงธนบุรี เมื่อ ค.ศ. 1767 แต่พระเจ้าตากสินทรงบ้าอำนาจจึงถูกพระเจ้ายอดฟ้า (รามาที่ 1) แห่งราชวงศ์จักรีตัดสินโทษประหารชีวิต

สมัยกรุงบางกอก (ค.ศ. 1800-ปัจจุบัน) พระเจ้ารามาที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรีได้ขึ้นเสวยราชย์สืบสันตติวงศ์มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้”

ทว่าข้อมูลข้างต้นก็ยังมีผิดพลาด ผู้วิจัยให้ข้อมูลเสริมไว้ว่า“หากแต่ข้อมูลดังกล่าวมีความผิดพลาดหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแม่นยำของข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เช่น แบบเรียนฯ กล่าวว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักร แต่ในความเป็นจริงแล้ว พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (ค.ศ. 1214-1269) ทรงเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักร

ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนแบบเรียนฯ ระบุว่า บุเรงนอง หรือ ผู้ชนะสิบทิศ (ค.ศ. 1550-1581) ทรงเป็นผู้มีชัยชนะในสงครามคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ค.ศ. 1767 ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว กษัตริย์พม่าผู้มีชัยชนะในครั้งนั้น คือ พระเจ้ามังระ (ค.ศ. 1763-1776) ทรงใช้ยุทธวิธีแบบ ‘คีมหนีบ’ ซึ่งเป็นวิธีการรบของพระเจ้าบุเรงนอง โดยทรงอาศัยแม่ทัพคู่พระทัย 2 คน ได้แก่ มังมหานราธา และเนเมียวสีหบดี”

ทั้งหมดนี้คือ 5 ภาพแทนไทยที่กัมพูชาบันทึกไว้ผ่านแบบเรียนชั้นมัธยมในชาติตนเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

คงเพียรธรรม ชาญชัย. “ภาพแทน ‘ไทย’ ในแบบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาของกัมพูชา”. วารสารศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 25, no. 1 (เมษายน 25, 2025): 312–337. สืบค้น 29 กรกฎาคม 2025. https://so03.tci-thaijo.org/index.php/liberalarts/article/view/281000.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 กรกฎาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 5 ภาพแทน “ไทย” ในแบบเรียนประวัติศาสตร์ชั้นมัธยมของกัมพูชา เป็นอย่างไร?

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ศิลปวัฒนธรรม

"CAMPAIGN Z" ยุทธการเดือดยึดล่องแจ้ง กับศึกสุดท้ายที่ "ทุ่งไหหิน"

11 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“โยชน์” ชื่อมาตราวัดนี้ มีที่มาจากอะไร?

12 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

โรงเรียนแมวๆ : อธิษฐานแด่...

The MATTER

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันพุธที่ 30 ก.ค. 68

PostToday

เซเลบเขมรโพสต์ภาพ ไม่เข้ากับเนื้อหา ด่าไทยฉ่ำ!

Manager Online

“ผมแค่อยากยืนอยู่ข้างความถูกต้อง” นุนิว ชวรินทร์ แสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ ไทย-กัมพูชา

THE STANDARD
วิดีโอ

Present แบบ Steve Jobs ให้ใคร ๆ ก็อยากฟัง #presentation #english #stevejobs #apple #iphone

ฝรั่งอั่งม้อ

วิธีสังเกตเพจและเว็บไซต์ปลอมที่แอบอ้างชื่อเพจทางการทหาร

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

‘พบสินค้าสร้างสรรค์ส่งตรงจากผู้ประกอบการ ในงาน LEAD Pop up Market’

GM Live

บีบอย บีเกิร์ล ประเทศไทย 🇹🇭 พร้อมรึยัง!?

WeR NEWS

ข่าวและบทความยอดนิยม

5 ภาพแทน “ไทย” ในแบบเรียนประวัติศาสตร์ชั้นมัธยมของกัมพูชา เป็นอย่างไร?

ศิลปวัฒนธรรม

ตำนานบรรพกษัตริย์เขมรเป็น “ตะกวด” ลิ้นสองแฉก เรื่องนี้มาจากไหน มีอะไรซ่อนอยู่

ศิลปวัฒนธรรม

รู้หรือไม่ “ประจวบคีรีขันธ์” เคยมีเมืองแฝดคือ “ประจันตคีรีเขต” ?

ศิลปวัฒนธรรม
ดูเพิ่ม
Loading...