ทำความเข้าใจคำว่า “ยึดคืน” บนพื้นที่พิพาทไทย–กัมพูชา
ธงชาติที่โบกไสวเหนือแนวชายแดน
ปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ความเคลื่อนไหวทางทหารบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชากลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้ง ภายหลังเหตุปะทะต่อเนื่องหลายวัน กองทัพไทยสามารถผลักดันกองกำลังกัมพูชาออกจากบางจุด และเข้าควบคุมพื้นที่ชายแดนที่เคยเป็นเขตพิพาท
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ภาพธงชาติไทย ที่ปักอยู่บนเนินเขาและปราสาทโบราณก็เริ่มปรากฏบนหน้าสื่อ กระทรวงกลาโหมและกองทัพบกยืนยันการควบคุมพื้นที่ใน 5 จุดหลัก โดยการปักธงชาติไทยในแต่ละแห่งเป็นสัญลักษณ์ของการยืนยันอธิปไตยและการควบคุมโดยสมบูรณ์ของไทยในช่วงเวลานั้น
5 จุดยุทธศาสตร์ที่ไทยควบคุมและปักธงชาติแล้ว
1. ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ
ภูเขาสูงใกล้แนวเขาพระวิหาร ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ควบคุมทัศนวิสัยและการเคลื่อนไหวในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร กองทัพไทยเข้าควบคุมยอดภูและปักธงชาติไทยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ภายหลังการผลักดันกองกำลังกัมพูชา
2. ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี
จุดผ่านแนวเทือกเขาพนมดงรักที่เคยมีตลาดและสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายกัมพูชา ปัจจุบันอยู่ภายใต้การควบคุมของทหารไทย โดยมีการปักธงชาติไทยเพื่อยืนยันอำนาจเหนือพื้นที่ดังกล่าว
3. ปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์
แม้จะเป็นโบราณสถานที่มีสถานะพิพาททางประวัติศาสตร์ แต่ครั้งนี้ทหารไทยสามารถเข้าควบคุมพื้นที่โดยรอบ และยกธงชาติขึ้นเหนือแนวปราการหินโบราณเพื่อยืนยันการควบคุม
4. ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์
หนึ่งในพื้นที่ที่มีการปะทะรุนแรงที่สุด กองกำลังไทยเข้าเปิดยุทธการคืนวันที่ 28 กรกฎาคม และยึดคืนพื้นที่สำเร็จ การปักธงชาติไทยในบริเวณนี้เกิดขึ้นหลังสิ้นเสียงปืนเพียงไม่กี่ชั่วโมง
5. ช่องบก หรือสามเหลี่ยมมรกต จังหวัดอุบลราชธานี
พื้นที่ยุทธศาสตร์ใกล้จุดบรรจบของเขตแดนไทย–กัมพูชา–ลาว ไทยสามารถควบคุมพื้นที่บริเวณนี้ได้อีกครั้ง พร้อมตั้งจุดสังเกตการณ์และปักธงเป็นสัญลักษณ์ชัดเจน
ทำไมคำว่า "ยึดคืน" จึงถูกใช้ในบริบทชายแดน
ในถ้อยแถลงของกองทัพ คำว่า “ยึดคืน” ถูกนำมาใช้สื่อความหมายถึงการนำพื้นที่ที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของไทยกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาใช้ประโยชน์หรือตั้งสิ่งปลูกสร้าง
ในกรอบของกฎหมายระหว่างประเทศรัฐมีสิทธิในการป้องกันตนเองหากถูกรุกล้ำอธิปไตย โดยเฉพาะเมื่อการครอบครองพื้นที่เกิดขึ้นโดยไม่มีข้อตกลง หรือขัดกับการปักปันเขตแดนเดิม การยึดคืนจึงไม่ใช่การรุกรานใหม่ แต่เป็นการฟื้นสถานะเดิมตามที่ไทยเคยถือสิทธิ
พื้นที่อย่างช่องอานม้าและช่องบก เคยมีตลาดของฝ่ายกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนที่ไทยอ้างสิทธิ์ ในขณะที่ภูมะเขือและปราสาทตาควายเป็นจุดที่ทั้งสองฝ่ายเคยผลัดกันควบคุมในอดีต
ความคลุมเครือของเขตแดนยังคงอยู่
แม้จะมีการควบคุมพื้นที่ได้ชัดเจนใน 5 จุด แต่สถานการณ์ชายแดนยังไม่อาจนิยามว่าคงที่ การปะทะยังเกิดขึ้นประปรายในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ซำแต ช่องตาเฒ่า และแนวภูจอง–นายอย ซึ่งยังไม่มีข้อยุติทางกฎหมายอย่างเป็นทางการ
พื้นที่เหล่านี้จำนวนมากอยู่ในสถานะ “เขตพิพาท” ที่ยังไม่มีการปักปันตามสนธิสัญญา หรือยังมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับแผนที่และแนวแบ่งเขต การที่ไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ในเชิงทหาร จึงไม่ใช่บทสรุปของข้อพิพาทในระยะยาว
ธงชาติไทยกับความหมายทางการเมือง
ในสถานการณ์เช่นนี้ ธงชาติไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของรัฐ แต่เป็นการประกาศสิทธิ์ในเชิงพื้นที่ และเป็นถ้อยคำในเชิงการทูตอย่างเงียบ การปักธงของไทยในพื้นที่ชายแดนทั้งห้าแห่ง มีความหมายไปไกลกว่าการควบคุมดินแดน เพราะยังส่งสัญญาณไปยังประชาคมระหว่างประเทศว่า ไทยยืนยันการควบคุมพื้นที่เหล่านี้ในบริบทอธิปไตยและการป้องกันตนเอง
พรมแดนที่ยังไม่จบ ไทยควบคุมพื้นที่ 5 จุด แต่ข้อพิพาทยังเปิดอยู่
ไทยสามารถควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ 5 จุดชายแดนกับกัมพูชาได้อีกครั้งภายหลังการปะทะในปลายเดือนกรกฎาคม 2568 พร้อมการปักธงชาติไทยเป็นเครื่องหมายของอำนาจควบคุมและการประกาศอธิปไตย
แม้สถานการณ์จะดูเหมือนมั่นคงในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริง เขตแดนเหล่านี้ยังต้องการกระบวนการทางการเมือง การทูต และกฎหมาย เพื่อจัดการข้อพิพาทอย่างยั่งยืนต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุปผลปฏิบัติการ 10 จุด กองทัพไทยโต้กลับกัมพูชาเต็มรูปแบบ
- รู้จัก BM-21 Grad อาวุธยิงไกล 30 กม. ที่กัมพูชาใช้ในชายแดน
- เปิดแผนจักรพงษ์ภูวนารถ กับปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชา ปี 2568
- รวมพิกัดจุดบริจาคเลือดทั่วประเทศ ช่วยผู้บาดเจ็บชายแดนด่วน
- กองทัพบกขอความร่วมมือประชาชน งดเผยแพร่ภาพเคลื่อนกำลังพลทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผลประชุม ผบ.ทหารไทย-กัมพูชา เห็นชอบหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลังพล
- กองทัพบกยืนยัน เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 นาย จากเหตุปะทะชายแดน
- สธ.เผยปชช.เสียชีวิตรวม 15 จากเหตุรุนแรงชายแดน - 2 หมื่นมีปัญหาสุขภาพจิต
- แม่ทัพภาค 2 พบผู้บัญชาการกัมพูชาที่ช่องจอม ยืนยันหยุดยิงทั่วแนวชายแดน
- ไทย เตรียมส่งหนังสือแจ้ง “สหรัฐฯ-จีน-มาเลเซีย” กัมพูชาละเมิดข้อตลงหยุดยิง