วิโรจน์ ชี้หากยกเลิก MOU43, 44 แล้วร่างใหม่ ต้องทำให้รัดกุม สร้างความมั่นใจปชช.ไม่เสียเปรียบ
วิโรจน์ ชี้หากยกเลิก MOU43, 44 แล้วร่างใหม่ ต้องทำให้รัดกุม สร้างความมั่นใจ ปชช.ไม่เสียเปรียบ บอกถูกทัวร์ลง ดีกว่าให้กัมพูชาบิดเบือน นำข้อมูลไปฟ้องประชาคมโลก หวัง เขมร ให้เกียรติทหารตัวเอง
เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 5 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่ากัมพูชาอาจจะละเมิดข้อตกลงได้ว่า มองว่าหากมีการบันทึกทุกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และได้แถลงการณ์ต่อประชาคมโลกต่อภูมิภาคอาเซียน หวังว่ากัมพูชาจะเคารพในข้อตกลง แม้ว่าที่ผ่านมากัมพูชาจะละเมิดสัญญามาแล้ว 651 ครั้ง และมีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า กัมพูชาเป็นคนรักษาสัญญาว่าจะไม่รักษาสัญญาเสมอ ทั้งนี้ ตนมองว่าข้อตกลงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเมื่อมีต่างชาติ มีทูตต่างประเทศ หรือมีเพื่อนนานาชาติเป็นพยานร่วมสังเกตการณ์ถือเป็นผลดี
“หากข้อตกลงถูกละเมิด ผมมองว่าเป็นบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามีส่วนในสภาความมั่นคงแห่งชาติ และต้องดำเนินการแถลงการณ์ หรือประท้วงผ่านองค์กรนานาชาติ อาเซียน รวมถึงวงประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน หรือเวทีด้านความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน ต้องยกมาประท้วง และแจ้งที่ประชุมทราบ หากละเมิดข้อตกลงอีก และผมมองว่าวันนี้ สิ่งที่ต้องทำคือ ไทยต้องรอบคอบทุกย่างก้าว ต้องทำให้รัดกุม รักษากฎหมายและสัจจะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกเราปกป้องอธิปไตยและความสง่างามบนเวทีโลกได้” นายวิโรจน์กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่กัมพูชาทิ้งร่างทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนไม่สามารถเดาใจ สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.ท.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้ แต่เขาต้องให้เกียรติกับนักรบ ดังนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะให้เกียรติทหารของตัวเอง แม้ว่าการรับศพทหารกลับไปจะสร้างความหวาดหวั่นให้คนในชาติ แต่วินาทีนี้ต่างฝ่ายยืนบนฐานความจริงและเอาความจริงคุยกัน ความจริงนั้นทำให้ประเทศไทยและทุกภาคส่วนในภูมิภาคบรรลุผลสัมฤทธิ์ร่วมกัน
เมื่อถามว่า มองว่ากลไกของไทยที่เดินมานั้นถูกแล้วใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เข้ารูปเข้ารอยขึ้น แต่ทราบมาว่าเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น อาจจะมีการสื่อสารข้อความที่คาดเคลื่อนไปบ้าง เช่น เรื่องโดรนที่อาจจะมีการสื่อสารที่บิดเบือนอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับการชี้แจงว่าคลิปและภาพที่ได้มานั้นได้มาจากโฆษกของรัฐบาล ทีมกลาโหม คิดว่าอย่าโทษกัน เพราะในช่วงที่มีการสื่อสารเช่นนี้อาจจะหลุดกันได้บ้าง แต่หลังจากนี้คิดว่าต้องมีความรัดกุม เนื่องจากอาจจะทำให้ทางฝั่งกัมพูชาตีฟูและนำเรื่องนี้ไปฟ้องประชาคมโลกและกล่าวหาเราจากความบกพร่องผิดพลาดได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีในการเจรจาบนเวทีนานาชาติ โดยเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชานี้ ตนคิดว่าถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี เรียบร้อยแล้ว
“ดังนั้น หากจะเปรียบเทียบเป็นภาษาง่ายๆ คือเรากำลังต่อสู้กับคนที่หัวหมอสุดๆ คนที่พร้อมจะวางเส้นเรื่องและจัดฉากรวมถึงยั่วยุสุดๆ เพื่อทำให้เราเดินเข้ามาตกหลุมและเดินเข้ามาตามเส้นเรื่องของเขา แล้วเขาจะหยิบยกเอาหลักฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามเส้นเรื่องที่เขาวางไว้มาใช้ในการโจมตีกล่าวหาเราเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเรื่องอธิปไตยและความชอบธรรมในเวทีโลก ซึ่งที่ผมบอกว่าผมไม่กลัวที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่กังวลที่จะถูกทัวร์ลง เพราะคิดว่าอะไรที่กัมพูชาจะหยิบยกมากล่าวหาเรา หรือสร้างความได้เปรียบในการเจรจาบนเวทีนานาชาติ เราต้องทักท้วงเอาไว้ ผมอาจจะถูกตำหนิจากคนในประเทศ ยังดีกว่าหากเรานึกว่าในอนาคตกัมพูชาจะหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตีเราจริงๆ รัฐบาลไทยในขณะนั้นจะได้หยิบยกคำท้วงติงจากฝ่ายนิติบัญญัติ มาเป็นข้อต่อสู้ได้ว่าเราไม่ได้เห็นชอบด้วย และระบบรัฐสภาทางฝ่ายนิติบัญญัติก็คอยบตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปตามครรลองของกฎหมายระหว่างประเทศ เป้าหมายสุดท้ายแม้ว่าผมจะถูกตำหนิอย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องปกติ แต่ย้ำว่าเป้าหมายสุดท้ายเรามองตรงกันคือการปกป้องอธิปไตยและความสวยงามของประเทศ” นายวิโรจน์กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เตรียมเสนอญัตติให้สภา หารือเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้คิดว่าแต่ละพรรคคงจะมีกลไกในการดำเนินการ คิดว่าการจะยกเลิกเอ็มโอยูทั้งสองนั้น มันไม่ยาก แต่การร่างใหม่เราต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ที่ผ่านมาเรายืนยันตลอดว่าเราไม่เคยละเมิดเอ็มโอยูที่เราได้ตกลงกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นเอ็มโอยู 43 หรือเอ็มโอยู 44 ก็ตาม กัมพูชาต่างหากที่ละเมิดข้อตกลงในเอ็มโอยู 43 ถึง 600 กว่าครั้ง และการจะยกเลิกเอ็มโอยูแล้วร่างใหม่นั้น เราต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าเราไม่ได้มีความเสียเปรียบอะไร รวมถึงมีการแก้ไขให้รัดกุมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องหารือกันก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียด หากเราไม่ได้ทำอย่างรัดกุม ไม่มีการสื่อสาร และไม่ได้ดึงภาคประชาชนหรือนักวิชาการเข้ามาเกี่ยวข้อง หากเราทำดีแค่ไหนแล้วถูกบิดเบือนจากฝั่งกัมพูชาหรือผู้ไม่ประสงค์ดีว่า เอ็มโอยูฉบับใหม่เราเสียเปรียบ เราขายชาติ ทั้งที่เราตั้งใจ แต่เมื่อถูกโจมตีบิดเบือนก็อาจจะปัญหาลุกลามปั่นป่วน และเป็นปัญหากับประเทศเองได้ ฉะนั้นคิดว่าควรที่จะเปิดให้มีการมีส่วนร่วมของสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าเอ็มโอยูฉบับใหม่จะมีความรัดกุมและดีกว่าเดิม
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วิโรจน์ ชี้หากยกเลิก MOU43, 44 แล้วร่างใหม่ ต้องทำให้รัดกุม สร้างความมั่นใจปชช.ไม่เสียเปรียบ
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th