อียูยังหวังเจรจากับสหรัฐทันเวลา เพื่อเลี่ยงการโดนรีดภาษี 30%
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ว่านางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวถึงการได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แจ้งการเตรียมเก็บภาษีสินค้าจากอียูในอัตรา 30% นับตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใหม่ร่วมกันได้ ว่าการเรียกเก็บภาษีในอัตราดังกล่าวจะเป็นการรบกวนห่วงโซ่อุปทานข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อธุรกิจ ผู้บริโภค และผู้ป่วยทั้งสองฝั่ง
อย่างไรก็ตาม ฟอน แดร์ เลเยน ยืนยันว่า อียูยังคงพร้อมที่จะเดินหน้าเจรจากับสหรัฐ เพื่อการบรรลุข้อตกลงให้ทันภายในกำหนด และในเวลาเดียวกัน อียูจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหภาพ รวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้ที่เป็นสัดส่วนหากมีความจำเป็น และเธอขอให้สมาชิกอียูทั้งหมดมีความเป็นเอกภาพ ท่ามกลางภาวะวิกฤติ
ทั้งนี้ ในเนื้อหาตอนหนึ่งจากจดหมายของทรัมป์ซึ่งส่งถึงประธานอีซี ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 30% กับสินค้าที่ส่งออกจากอียูมายังสหรัฐ โดยแยกจากภาษีตามหมวดอื่น และสินค้าที่ลักลอบเปลี่ยนเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จะถูกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น และย้ำว่า อัตราภาษี 30% นี้ "ยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ" เมื่อเทียบกับมูลค่าการค้าดุลการค้า ที่สหรัฐเสียเปรียบอียูมาตลอด.
เครดิตภาพ : AFP