ครอบครัว “น้องเมย” ร้องขอความเมตตา เตรียมเข้าพบ ผบ.ตร.
ครอบครัว “น้องเมย” ร้องขอความเมตตา เตรียมเข้าพบ ผบ.ตร.
จากกรณีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งครอบครัวพบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งรอยฟกช้ำ ซี่โครงหัก และอวัยวะภายในบางส่วนหายไป ส่งผลให้สังคมเกิดข้อสงสัยอย่างกว้างขวาง และมีการตั้งคำถามต่อกระบวนการสอบสวนของหน่วยงานรัฐ ล่าสุดทางพ่อและแม่ได้เดินทางมาออกรายการ “โหนกระแส” เพื่อเปิดใจถึงความรู้สึกตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน และรู้สึกว่า “ลูกชายยังไม่ได้รับความเป็นธรรม”
วันที่ 23 ก.ค 68 นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ และนางสุกัลยา ตัญกาญจน์ พ่อแม่ ของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย เปิดเผยว่าจากนี้จะปรึกษาทนายความเพิ่มเติม ที่ผ่านมาจนถึงชั้นศาลฎีกา ครอบครัวเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ขอให้ทนายความดำเนินการ ส่วนเรื่องทางคดีก็อย่างที่พูดไปแล้ว คงไม่พูดต่อเพราะไม่อยากก้าวล่วงศาล ยอมรับว่าความรู้สึกในใจรู้สึกขัดแย้ง ในฐานะครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชาย แต่เห็นผู้กระทำเติบโตในหน้าที่ข้าราชการตำรวจ
ส่วน พล ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตนอยากฝากเหมือนกับที่เคยพูดไปแล้วว่าคู่กรณียังสมควรที่จะเป็นตำรวจอยู่หรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุคู่กรณีไม่ได้อยู่สถานะตำรวจ จะดำเนินการทางวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 ไม่ได้นั้น มองว่า ไม่น่าใช่ เพราะตอนนั้นเขาเลือกเหล่ามาแล้วว่าเป็นเหล่าตำรวจ อย่างลูกตน ก็เลือกเหล่านายร้อย จปร. มันชัดเจนอยู่แล้ว แต่เข้าใจว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มาทีหลัง ก็ไม่ได้กล่าวโทษ อยากฝากขอความเมตตากับท่าน ว่าครอบครัวติดใจเรื่องการเลื่อนยศของคู่กรณี เพราะมันขึ้นเร็วมาก จากร้อยตำรวจตรี เป็นร้อยตำรวจโท อยากรู้ว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ทราบหรือไม่
ส่วนที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า อยากจะพบเพื่อพูดคุยกับทางครอบครัวเป็นการส่วนตัว ตนมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะตนก็อยากจะหาเวลาไปพูดคุยกับท่านอยู่แล้ว เพื่อขอความเมตตา ไปถามท่านว่า เมื่อมีเรื่องลักษณะนี้ คู่กรณียังสมควรที่จะเป็นตำรวจอยู่ หรือสมควรที่จะถอดเครื่องแบบ แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากนี้จะมอบให้ทนายความประสานติดต่อเข้าไปขอพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ยังตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ ขอพูดคุยกันก่อนว่าจะสอบถามในเรื่องอะไรบ้าง และดูเรื่องกฎระเบียบของโรงเรียนนายร้อยสามพราน หากท้ายที่สุดเรื่องทางวินัย ไม่สามารถดำเนินการได้จริง ครอบครัวก็ยังคงรู้สึกติดใจในฐานะผู้สูญเสีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ครอบครัวแจ้งความเอาผิดแพทย์ผู้ชันสูตรคนแรก ที่ทำให้อวัยวะน้องเมยหายไปไว้ที่ สน.พญาไท นั้น ได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างไรบ้าง คุณพ่อ กล่าวว่า ล่าสุดทราบจากทนายความว่า ได้มีการเรียกแพทย์ที่ผ่าชันสูตรมาสอบปากคำแล้ว แต่เขามาหรือยังไม่ทราบ ซึ่งอยากให้คิดดูว่าหากบริสุทธิ์จริง ทำไมผ่าเสร็จแล้วไม่นำอวัยวะกลับเข้าไปในร่างคืนให้ครอบครัว
นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ คุณแม่น้องเมย กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทั้งในและต่างประเทศที่เห็นอกเห็นใจ เพราะการสู้หรือเดินมามันไม่ง่าย มันลำบาก กว่าจะขอเอกสาร กว่าจะขอความร่วมมือ มันทำให้หัวใจมันเหนื่อยล้า เหลวแหลกหมด เหนื่อยใจมากกว่าเหนื่อยกาย
ในส่วนกรณีที่มีการโพสต์โจมตี มีตั้งแต่น้องเมยเสียใหม่ ๆ จนถึงวันนี้ที่เป็นข่าว แรงกระเพื่อมตรงนั้นมันก็กลับมาอีก แต่แม่อยากย้ำว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แม่ไม่เคยโพสต์โจมตี ไม่เคยไม่ให้เกียรติหรือให้ร้ายต่อสถาบันเลย ที่เดินหน้ามาทุกวันนี้ เพราะต้องการความยุติธรรมให้ลูกเท่านั้น แต่เพราะลูกอยู่ในสถาบันนี้ จึงทำให้คนในสถาบัน รวมถึงพ่อแม่ของนักเรียนในสถาบันเดียวกัน มองว่าลูกเราทำให้เสื่อมเสีย ฟีดแบคจึงตีกลับมา แต่ไม่ใช่จากคู่กรณีโดยตรง แต่เป็นนักเรียนเหล่าที่เรียนรุ่นเดียวกันในตอนนั้น และที่ติดค้างในใจคือคำกล่าวหาที่บอกว่าน้องเมยสุขภาพไม่ดี บอกว่าป่วยตายเอง ซึ่งแม่กำลังแก้ข้อนี้ให้เขา แม้แม่จะมีลมหายใจสุดท้าย เฮือกสุดท้าย สังขารที่แม่จะไม่ไหว แต่ถ้าพี่ทำได้ พี่จะทำเพื่อลูก แก้ข้อกล่าวหาและมลทินสุดท้ายให้ได้แน่นอน แม่ยืนยันว่า ถ้าน้องเมยป่วยตายจริง ๆ เขาจะไม่เรียนอยู่ถึง 5 เดือน เพราะการฝึกของนักเรียนเตรียมทหารไม่ได้เบา มันหนักมาก ถ้าเมยจะป่วยตาย คงต้องตายตั้งแต่ก่อน 5 เดือน ไม่ใช่มาตายตอนฝึกแล้ว ตอนรับแหวนแล้ว แม่ยืนยันว่าจะต้องแก้ข้อนี้ให้ลูกให้ได้ แก้ข้อนี้จบ แม่อยากหนีเข้าป่า แม่อยากหนีเข้าป่าไปนานแล้ว เพราะสภาพจิตใจแม่ไม่ไหว แม่ต้องฟังธรรมะ ต้องตื่นมาเจออะไรเดิม ๆ ตื่นมาเจอกรอบรูปของลูก เจอรูปลูก มันทนไม่ไหว แล้วยิ่งรู้สาเหตุการตายของลูก มันยิ่งไม่ไหว แต่ความอาฆาต แม่ตัดได้แล้ว แม่พยายามศึกษาจากน้องเมย จากการให้อภัย การให้โอกาสคน แม่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากลูก แม่มีหน้าที่ทำหน้าที่แก้ข้อกล่าวหาให้พ้นมลทิน และแม่ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กับแม่เสมอมา
ทั้งนี้ แม่และครอบครัวยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ต่อไป เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องเมย แม้วันนี้อาจยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดมากนัก เนื่องจากอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และยืนยันว่าพร้อมเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หากได้รับโอกาสในการพูดคุย