คณะสภาสูงไทยเร่งเสนอแนวทาง-รัฐบาลฝ่าทางตันสู้วิกฤตประเทศ-ทั่วโลก!
ชัยภูมิ – เปิดแนวทางคณะกรรมาธิการฯ สภาสูง สว.ยื่นญัตติเสนอแนวทางดำเนินการรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์ เร่งยุทธศาสตร์สร้างรากฐานประเทศสร้างความมั่นคงทางอาหาร เดินตามคำสอนพ่อหลวง ร.9 พลิกวิกฤตเป็นโอกาสประเทศไทยสู่มหาอำนาจทางอาหารโลกได้ (มุมเสียงสะท้อนชาวไทยทุกภาคส่วนร่วมฝ่าวิกฤตทางออกประเทศในภาวะวิกฤตโลก)
( 16 ก.ค.68 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ในช่วงสถานการณ์วิกฤตต่างๆในประเทศไทยและทั่วทั่วกำลังเกิดปัญหาหนักในขณะนี้ อีกด้านในส่วนของคณะสภาสูง หรือสมาชิกวุฒิสภา ด้าน พล.ต.ต.รมสิทธิ์ วีริยาสรร ในฐาน สว.ชัยภูมิ และคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน ได้มีการนำเสนอกล่าวถึงแนวทางยื่นญัตติแนวทางในการดำเนินการเพื่อรับมือผลกระทบจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาฯในขณะนี้ รวมไปถึงแนวทางการแก้ปัญหาภาวะวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศในขณะนี้ด้วย
เพื่อเป็นแนวทางขอเสนอแนวทางผ่านไปถึงรัฐบาลในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทาง พล.ต.ต.รมสิทธิ์ วีริยาสรร ในฐานะ สว.ชัยภูมิ และคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวว่า ในการครั้งอยากให้ทุกฝ่ายเร่งช่วยกันหาแนวทางฝ่าวิฤตของประเทศและในทั่วโลกในขณะนี้ด้วย ที่จะขอกล่าวขอน้อมนำพระบรมราชโชวาทฯ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 (ร.9) เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2517 ที่กล่าวไว้เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา ว่า การพัฒนาประเทศจำเป็นต้อง ทำตามลำดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมีพอกิน พอใช้ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นเบื้องต้นก่อน หากมุ่งแต่จะทุ่มเท สร้างความเจริญ โดยไม่ให้แผนปฏิบัติสัมพันธ์กับภาวะของประเทศและของประชาชน ก็จะเกิดความไม่สมดุล ซึ่งอาจจะกลายเป็นความยุ่งยาก ล้มเหลวได้ในที่สุด ดังจะเห็นได้ที่อารยประเทศหลายประเทศ กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ อย่างรุนแรงอยู่ในเวลานี้
ซึ่งเป็นพระบรมราโชวาทของในหลวง ร.9 ที่ได้มอบไว้ให้กับรัฐบาลผู้บริหารประเทศ เมื่อ 18 ก.ค.2517 หรือเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วที่ผ่านมา ซึ่งใครจะคาดคิดว่า ณ เวลาถึงปัจจุบันนี้สิ่งที่พ่อหลวง ร.9 ห่วงใย สิ่งที่พ่อห่วงนั้นเกิดขึ้น ได้มีเสียงเตือนเป็นระยะๆมาหลายปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่สงครามเชื้อโรคระบาดโควิด-19 สงครามจากภัยธรรมชาติจากภาวะโลกเดือด สงครามความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้คือสงคราม AI (เอไอ) และที่จะตามมาร้ายแรงที่สุดอีกขณะนี้คือสงครามภาษีฯ ซึ่งใครจะคาดคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริง
ซึ่งนี้แสดงถึงความพระอัจฉริยภาพ และทรงเล็งเห็นการไกลของพ่อ ในหลวง ร.9 ที่เห็นว่าในอนาคตลูกหลานไทยจะต้องเจอวิกฤตการณ์ที่เหลวร้ายในครั้งนี้ จากช่วงกว่า 50 ปี ที่ผ่านมาในหลวง ร.9 พระองค์ ไม่เพียงมอบนโยบายที่สำคัญนี้ให้กับทุกรัฐบาลที่ผ่านมา แต่ยังได้มอบหนทางแห่งความอยู่รอด นั่นคือหลักเศรษฐกิจพอเพียง ให้กับพสกนิกรชาวไทยทุกคนด้วย ที่ถึงแม้ว่าในเวลานี้พ่อหลวง ร.9 จะจากเราไปแล้ว แต่ในหลวง ร.10 ท่านก็ยังมีปณิธานสืบสานต่อยอด และกรมสมเด็จพระเทพฯ ท่านก็มีโครงการที่สำคัญอย่างยิ่ง นั่นก็คือโครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่เรียบง่าย แต่มีความยิ่งใหญ่เป็นโครงการที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ที่พูดง่ายๆว่า เป็นหลักปฏิบัติที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายๆอย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญทำให้ทุกคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ สามารถที่จะลงมือทำได้ทันที แม้จะไม่มีเงิน โดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐแม้แต่เพียงบาทเดียว ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพราะว่าพี่น้องประชาชนหลายท่านที่ได้รับผลกระทบไม่มีงาน ไม่มีเงิน แต่จะต้องดำรงชีวิตมีอาหารกิน สามารถที่จะดำรงชีวิตพึ่งพาตนเองและอยู่รอดได้ “
ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน ได้ให้ความสำคัญ ได้ตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อดำเนินการศึกษาและทดลอง โดยมีโครงการความร่วมมือกับหมู่บ้าน 4 หมู่บ้านต้นแบบ ในพื้นที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และขยายผลต่อเนื่องไปอีก 1 อำเภอใกล้เคียง ที่ อ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ และมีกลุ่มจิตอาสาครอบครัวเดียวกัน เกิดขึ้นเป็น 4 หมู่บ้านต้นแบบของประเทศไทยในปัจจุบันนี้แล้ว ในการที่จะทดลองสร้างหมู่บ้านต้นแบบ เพื่อความมั่งคงทางอาหารขึ้น ซึ่งโครงการนี้ก็มีหลักการง่ายๆ ในการทำพื้นที่รอบบ้านประชาชนนั้นๆ ให้กลายเป็นพื้นที่ แหล่งอาหารเป็นตู้ถนอมอาหาร เป็นตู้กับข้าวในแต่ละบ้าน เพื่อที่จะมีพืชผักที่ปลูกขึ้นเอง เพียงพอ ให้มีพืชสมุนไพร กินเป็นหลักกินผักเป็นยา ให้มีแหล่งโปรตีนเล็กๆในบ้าน อาจจะเป็นคลองไส้ไก่ เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เล็กๆน้อยๆ เพื่อให้มีแหล่งโปรตีนสำหรับให้ลูกหลาน สำหรับสมาชิกในครอบครัวได้มีอยู่มีกิน สามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ในทุกวิกฤตการณ์ได้
ซึ่งทุกฝ่ายได้พยายามช่วยกันหาทางออกฝ่าวิกฤตประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งในเวลานี้ประเทศไทยเราเจอวิกฤตการณ์ และภาวะปัญหาจากทั่วโลกอีกมากมาย เป็นปัญหาสะท้อนให้เห็น ฝากไปถึงรัฐบาล คงจะต้องทราบด้วยว่าวิกฤตการณ์เหล่านี้สะท้อนว่าระบบทุนนิยม ได้ล่มสะลายไปแล้ว และการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจโดยการ ที่จะเร่งตัวเลขจีดีพี เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่คำตอบ ที่ถูกต้องที่สุด และขณะนี้ไม่เหมาะสมกับประเทศไทยแล้ว
ที่ประเทศไทยควรหันกลับมาดูที่ฐานราก มาช่วยกันสร้างเสาเข็มของประเทศ ทำให้ประเทศไทยของเรา ประชาชนของเราเติบโตอย่างมั่นคงเติบโตอย่างมีภูมิคุ้มกัน
ที่จริงๆแล้วในเวลานี้ประเทศไทยของเรา เป็นที่ประจักษ์ชัด และรัฐบาลเองก็เป็นที่ประจักษ์ชัด ว่าวิกฤตหลากหลายในขณะนี้น่าเป็นห่วง และอยากฝากไปถึงรัฐบาลอีกประเด็นในเรื่องยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไม่ใช่เพียงการปลูกพืชเลี้ยงไก่ แต่คือหลักเศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงศาสตร์ของการบริหารตัวเลข แต่เป็นศาสตร์ของการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งตรงนี้ต้องให้ทางรัฐบาลผู้บริหารประเทศ นำไปเป็นยุทธศาสตร์หลักในการที่จะพัฒนาบริหารบ้านเมืองอย่างจริงจัง ตามรอยคำสอนที่พ่อหลวง ร.9 ท่านได้ให้ไว้เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว
ซึ่งในขณะนี้เชื่อว่าหากรัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง จะสามารถที่จะนำพาพี่น้องประชาชนคนไทย ทั้ง 67 ล้านคน รวมพลังสามัคคี ในการที่จะดำเนินการตามคำสอนพ่อ ร.9 ดำเนินการตามรอยเท้าพ่ออย่างจริงจัง ที่เชื่อมั่นว่าวิกฤตต่างๆที่มีในขณะนี้ จะกลายเป็นโอกาสที่สำคัญ ซึ่งไม่ใช่แค่เป็นหนทางรอดของคนในชาติ แต่ยังจะทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยโดยรวมทุกคน กลับมาอยู่ดีมีสุข อยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน และที่สำคัญจากวิกฤตในครั้งนี้ จะกลายเป็นโอกาสสำคัญในขณะที่ทั่วโลกกำลังปั่นป่วน ประเทศไทยของเราอาจจะกลายเป็นศูนย์รวมของอาหารเป็นคลังอาหารของโลก หรือเป็นมหาอำนาจทางอาหารของโลกได้อย่างแท้จริงต่อไปได้อีกทางด้วย https://youtu.be/v0hXYkSG0Ps?si=t5zBjgzKW7uDmLDC