อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย จุดแข็งที่สั่นคลอนท่ามกลางความท้าทายใหม่
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ ด้วยโครงสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการผลิตยางพารา พลาสติก โลหะแปรรูป และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขั้นกลาง อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการส่งออก แต่ยังกระจายรายได้สู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ จ้างงานแรงงานกว่า 561,000 คน และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มองเห็นโอกาสในการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อากาศยาน และหุ่นยนต์อัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากหลายทิศทาง โดยเฉพาะนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ที่บังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2025 เป็นต้นมา มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เช่น กระปุกเกียร์ เพลาขับล้อ พวงมาลัย และระบบเบรก ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เฉลี่ยมากกว่า 15% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในช่วงปี 2019–2024
ความเปราะบางของขีดความสามารถในการแข่งขัน
นโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่เพียงเพิ่มต้นทุนการค้าสำหรับผู้ผลิตไทย แต่ยังทำให้เม็กซิโก ซึ่งได้รับสิทธิยกเว้นภาษีภายใต้ข้อตกลง USMCA มีความได้เปรียบในการแข่งขัน จากการประเมินดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (RCA) ในช่วงปี 2019–2024 เม็กซิโกมีศักยภาพเหนือกว่าไทยในหลายกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์สำคัญ ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ไทยอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ให้กับเม็กซิโกในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงรักษาความแข็งแกร่งในกลุ่มยางล้อ ด้วยจุดแข็งจากแหล่งวัตถุดิบยางธรรมชาติในประเทศ แต่การบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) ที่เข้มงวดมากขึ้นอาจเพิ่มความซับซ้อนและต้นทุนแฝงในการส่งออก
นอกจากนี้ มาตรการภาษีนำเข้ายังส่งผลกระทบทางอ้อม โดยทำให้คำสั่งซื้อจากประเทศผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำอย่างญี่ปุ่นลดลง เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากไทย เช่น คลัตช์ ระบบเบรก เข็มขัด และถุงลมนิรภัย เพื่อประกอบรถยนต์ส่งออกไปยังสหรัฐฯ การชะลอตัวของคำสั่งซื้อนี้ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ของผู้ผลิตไทย รวมถึงสร้างความเสี่ยงต่อการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายเริ่มพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกาเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและลดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันการค้า
บทบาทของธุรกิจชิ้นส่วนทดแทน (REM)
ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว ธุรกิจชิ้นส่วนทดแทนหรืออะไหล่ยนต์ (REM) กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขณะที่ความต้องการชิ้นส่วนสำหรับการผลิตรถยนต์ใหม่ (OEM) ชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ ความต้องการอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้งานรถยนต์ที่ยาวนานขึ้นทั่วโลก เช่น อายุเฉลี่ยของรถยนต์นั่งในสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มจาก 11 ปีในปี 2018 เป็น 14 ปีในปี 2024 ขณะที่ไทยและออสเตรเลียก็มีอายุการใช้งานรถยนต์เพิ่มจาก 9 ปีเป็น 11 ปี
ธุรกิจ REM จึงมีศักยภาพในการเติบโตและควรได้รับการส่งเสริมในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล การขยายตลาดสู่ภูมิภาคใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งเน้นชิ้นส่วนที่ทนความร้อนสูงและสีไม่ซีดจาง หรือยุโรปที่ให้ความสำคัญกับอะไหล่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เช่น วัสดุรีไซเคิลหรืออะไหล่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสในตลาดโลก
การยกระดับสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า
เพื่อรักษาความแข็งแกร่งในระยะยาว อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้รองรับยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อย่างครบวงจร ในอดีต อุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปของไทยมีระบบนิเวศการผลิตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะรถกระบะและ Eco-car ที่มีสัดส่วนชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local content) สูงกว่า 80% อย่างไรก็ตาม ในยุคยานยนต์ไฟฟ้า สัดส่วน Local content ในสายการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) อยู่ที่เพียง 60% และ 40% ตามลำดับ ชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่ความจุสูง ระบบแปลงไฟ และระบบควบคุม ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก
การพัฒนาระบบนิเวศ EV จึงเป็นวาระเร่งด่วน โดยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับเทคโนโลยี องค์ความรู้ และทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อขอสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อ รวมถึงการจัดทำความตกลงการค้าเสรีแบบเฉพาะเจาะจงสินค้า จะช่วยลดแรงกดดันจากนโยบายกีดกันการค้าและรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ
มองไปข้างหน้า
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยยังคงเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ แต่การเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกและเทคโนโลยีทำให้การปรับตัวเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง การส่งเสริมธุรกิจ REM และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าจะไม่เพียงช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังผลักดันให้ไทยคงสถานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคเปลี่ยนผ่านนี้
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO