โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ยานยนต์

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย จุดแข็งที่สั่นคลอนท่ามกลางความท้าทายใหม่

Manager Online

อัพเดต 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 3.00 น. • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทยได้รับการยอมรับในระดับโลกในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ ด้วยโครงสร้างอุตสาหกรรมต้นน้ำและกลางน้ำที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการผลิตยางพารา พลาสติก โลหะแปรรูป และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขั้นกลาง อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านการส่งออก แต่ยังกระจายรายได้สู่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศ จ้างงานแรงงานกว่า 561,000 คน และดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติที่มองเห็นโอกาสในการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อากาศยาน และหุ่นยนต์อัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากหลายทิศทาง โดยเฉพาะนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ที่บังคับใช้ภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2025 เป็นต้นมา มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เช่น กระปุกเกียร์ เพลาขับล้อ พวงมาลัย และระบบเบรก ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เฉลี่ยมากกว่า 15% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในช่วงปี 2019–2024

ความเปราะบางของขีดความสามารถในการแข่งขัน

นโยบายภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ไม่เพียงเพิ่มต้นทุนการค้าสำหรับผู้ผลิตไทย แต่ยังทำให้เม็กซิโก ซึ่งได้รับสิทธิยกเว้นภาษีภายใต้ข้อตกลง USMCA มีความได้เปรียบในการแข่งขัน จากการประเมินดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (RCA) ในช่วงปี 2019–2024 เม็กซิโกมีศักยภาพเหนือกว่าไทยในหลายกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์สำคัญ ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ไทยอาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ให้กับเม็กซิโกในอนาคตอันใกล้ อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงรักษาความแข็งแกร่งในกลุ่มยางล้อ ด้วยจุดแข็งจากแหล่งวัตถุดิบยางธรรมชาติในประเทศ แต่การบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) ที่เข้มงวดมากขึ้นอาจเพิ่มความซับซ้อนและต้นทุนแฝงในการส่งออก

นอกจากนี้ มาตรการภาษีนำเข้ายังส่งผลกระทบทางอ้อม โดยทำให้คำสั่งซื้อจากประเทศผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำอย่างญี่ปุ่นลดลง เนื่องจากญี่ปุ่นพึ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากไทย เช่น คลัตช์ ระบบเบรก เข็มขัด และถุงลมนิรภัย เพื่อประกอบรถยนต์ส่งออกไปยังสหรัฐฯ การชะลอตัวของคำสั่งซื้อนี้ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ของผู้ผลิตไทย รวมถึงสร้างความเสี่ยงต่อการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายเริ่มพิจารณาย้ายฐานการผลิตไปยังอเมริกาเพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและลดความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันการค้า

บทบาทของธุรกิจชิ้นส่วนทดแทน (REM)

ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว ธุรกิจชิ้นส่วนทดแทนหรืออะไหล่ยนต์ (REM) กำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยพยุงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ขณะที่ความต้องการชิ้นส่วนสำหรับการผลิตรถยนต์ใหม่ (OEM) ชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ ความต้องการอะไหล่สำหรับการซ่อมบำรุงกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้งานรถยนต์ที่ยาวนานขึ้นทั่วโลก เช่น อายุเฉลี่ยของรถยนต์นั่งในสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มจาก 11 ปีในปี 2018 เป็น 14 ปีในปี 2024 ขณะที่ไทยและออสเตรเลียก็มีอายุการใช้งานรถยนต์เพิ่มจาก 9 ปีเป็น 11 ปี

ธุรกิจ REM จึงมีศักยภาพในการเติบโตและควรได้รับการส่งเสริมในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล การขยายตลาดสู่ภูมิภาคใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง ซึ่งเน้นชิ้นส่วนที่ทนความร้อนสูงและสีไม่ซีดจาง หรือยุโรปที่ให้ความสำคัญกับอะไหล่ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน เช่น วัสดุรีไซเคิลหรืออะไหล่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสในตลาดโลก

การยกระดับสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า

เพื่อรักษาความแข็งแกร่งในระยะยาว อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจำเป็นต้องยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้รองรับยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อย่างครบวงจร ในอดีต อุตสาหกรรมยานยนต์สันดาปของไทยมีระบบนิเวศการผลิตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะรถกระบะและ Eco-car ที่มีสัดส่วนชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local content) สูงกว่า 80% อย่างไรก็ตาม ในยุคยานยนต์ไฟฟ้า สัดส่วน Local content ในสายการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) อยู่ที่เพียง 60% และ 40% ตามลำดับ ชิ้นส่วนสำคัญ เช่น แบตเตอรี่ความจุสูง ระบบแปลงไฟ และระบบควบคุม ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก

การพัฒนาระบบนิเวศ EV จึงเป็นวาระเร่งด่วน โดยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อยกระดับเทคโนโลยี องค์ความรู้ และทักษะแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อขอสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์และยางล้อ รวมถึงการจัดทำความตกลงการค้าเสรีแบบเฉพาะเจาะจงสินค้า จะช่วยลดแรงกดดันจากนโยบายกีดกันการค้าและรักษาส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ

มองไปข้างหน้า

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยยังคงเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจ แต่การเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกและเทคโนโลยีทำให้การปรับตัวเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง การส่งเสริมธุรกิจ REM และการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าจะไม่เพียงช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังผลักดันให้ไทยคงสถานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนระดับโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในยุคเปลี่ยนผ่านนี้

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Manager Online

“อิงฟ้า” เผย “ณวัฒน์” เตือน “หมอแจน-โซแบม” ต้องอยู่ในหุ่นพร้อมใช้งาน ปลื้มสร้างประวัติศาสตร์คู่จิ้น GLไทย บุกแฟนมีตฯ ลาติน

32 นาทีที่แล้ว

ทรัมป์ระบุไม่มีแผนต่ออายุผ่อนผันภาษี เล็งส่งจดหมายแจ้งประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่เร็วๆนี้

40 นาทีที่แล้ว

Burberry Kisses Tea Collection ลิปสติกโทนน้ำตาลสุดหรู

42 นาทีที่แล้ว

“ตูน บอดี้สแลม” พาครอบครัว เก็บขยะหน้าหาด “อช.เขาลำปี-หาดท้ายเหมือง” สร้างแรงบันดาลใจรักษ์ทะเลไทย

47 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยานยนต์อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ลามิน่า x โจนส์สลัด จับมือเอาใจสายคลีน แจกเครื่องดื่มฟรี! แค่แชะแล้วโพสต์

Manager Online

โตโยต้านำตลาด 5 เดือนกวาด 94784 คัน Hilux ATIV Cross ขายดีไม่แผ่ว

Manager Online

Tesla โชว์เหนือ! ส่งมอบรถจากโรงงานถึงมือลูกค้าไร้คนขับ

Manager Online
ดูเพิ่ม
Loading...